เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย ดร.สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงานฯ และคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของ ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขการดำเนินงานของ ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล สำหรับแรงงานเมียนมาในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
ดร.สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) สำหรับแรงงานเมียนมา ถูกจัดตั้งขึ้นตามมติ ครม. เพื่อให้แรงงานเมียนมาในไทยที่ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางแบบปกติ ได้มีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้แทนหนังสือเดินทางในบางกรณี และช่วย “พิสูจน์อัตลักษณ์ตัวตน” ซึ่งสภาพปัญหาหลักที่พบในพื้นที่การให้บริการใน 17 ภาคเหนือ ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนแรงงานเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการต่อบัตรตามมติคณะรัฐมนตรี
ดร.สฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่สำคัญเร่งด่วน ได้แก่การเพิ่มศูนย์ Mobile CI การเพิ่มศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (CI) กระจายใน17ภาคเหนือ ไปยังจังหวัดที่เหมาะสม เพื่อกระจายบริการให้แรงงานต่างด้าว ให้เข้าถึงดารบริการได้มากขึ้น ให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีประสิทธิภาพ
โดยตัวเลข Running Number ลำดับคิวจากการจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ (เซเว่น-อีเลฟเว่น) ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์และคำนวณการจัดโซนหรือการเพิ่มศูนย์บริการได้อย่างแม่นยำ, พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ CI โดยจะนำเสนอต่อรัฐบาลเมียนมาให้มีการพัฒนา ระบบซอฟต์แวร์ ของการออกเอกสารรับรองบุคคลให้มีคุณภาพและมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และตรวจสอบ ‘โบรกเกอร์’ ตัดคิว เร่งตรวจสอบประเด็นการร้องเรียนว่ามีการใช้ โบรกเกอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกในการ “ตัดคิว” ของผู้ที่ลงทะเบียนผ่านร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น จริงหรือไม่ มีมากน้อยแค่ไหน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
นายสฤษฏ์พงษ์ ย้ำว่า คณะกรรมาธิการฯ จะนำปัญหาเหล่านี้ไปสู่การพิจารณาของรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นย้ำว่า แรงงานเมียนมาและนายจ้างทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์พื้นฐาน และสิทธิ์ในการได้รับการดูแลในฐานะที่อยู่ในประเทศไทย