วันที่ 4 ตุลาคม 2568 นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ นายรณรงค์ สิทธิเขตกรณ์ ปลัดจังหวัดพิจิตร ประสานงานกับนายเฉลิมศักดิ์ กองกันภัย นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร ระดมสรรพกำลังคนงานของเทศบาลเมืองพิจิตร อส.พิจิตร กอ.รมน.พิจิตร รวมถึงกำลังทหาร จำนวน 30 นาย จาก มทบ.36 จ.เพชรบูรณ์ ช่วยกันกรอกกระสอบทรายทำแนวกั้นป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจและย่านชุมชนเมืองตลาดเทศบาลเมืองพิจิตร
เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนสิริกิต์ มีการระบายน้ำเพิ่มเติม ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำน่านที่ จ.พิษณุโลก มีมวลน้ำจำนวนมากและมวลน้ำดังกล่าวก็ได้ไหลเข้าสู่ลุ่มน้ำน่านของ จ.พิจิตร ซึ่งมีอัตราการไหล 1,215 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 19 เซนติเมตร โดยที่สถานีวัดระดับน้ำ N7A บ้านราชช้างขวัญ ต.ปากทาง อ.เมืองพิจิตร ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งฝั่งขวา 1.48 เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์วิกฤตแล้ว
ส่วนสาเหตุที่น้ำยังไม่ท่วมในเขตเศรษฐกิจนั้น เนื่องจากมีถนนริมน้ำที่เสริมคันดินเป็นแนวกั้นน้ำจึงทำให้น้ำยังไม่ทะลักเข้าเมือง แต่มีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำหลายสิบหมู่บ้าน น้ำจากแม่น้ำน่านได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนได้รับความเดือดร้อนแล้วหลายร้อยหลังคาเรือน ซึ่งทางเทศบาลเมืองพิจิตร ได้ใช้อาคารี่โรงเรียนเทศบาลบ้านปากทาง เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ก็ยังไม่มีประชาชนร้องขอใช้บริการ
นายฉัตรชัย ทองปอนด์ ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร ได้นำอุปกรณ์วัดพิกัด ระบบดาวเทียม RTK หรือ Real Time Kinematics ทำการตรวจสอบระดับริมแม่น้ำตามจุดต่างๆ เพื่อให้ได้รู้ว่าบริเวณใดเป็นที่ลุ่มต่ำและเป็นจุดเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าเมืองพิจิตรเพื่อทำแนวป้องกันเป็นช่วงๆ โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำน่านจาก จ.พิษณุโลก กำลังจะไหลมา จ.พิจิตร คาดว่าเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. 68 จะเป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำขึ้นสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าตัวเมืองเทศบาลเมืองพิจิตร, เทศบาลเมืองตะพานหิน ,เทศบาลเมืองบางมูลนาก ซึ่งมีชุมชน มีตลาดอยู่ริมแม่น้ำน่านที่ขณะนี้ก็มีน้ำล้นตลิ่งเข้าย่านชุมชนเพียงเล็กน้อย แต่ ตี 3 คืนนี้จะรอดพ้นวิกฤตนี้ได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจะได้รายงานให้ทราบต่อไป