“นฤมล” ประชุมคุรุสภา เห็นชอบปรับเกณฑ์ทดสอบ สมรรถนะวิชาชีพครู พร้อมปรับมาตรฐานประเมินนักเรียน มองสำคัญศักยภาพรายบุคคล

"นฤมล" ประชุมคุรุสภา เห็นชอบปรับเกณฑ์ทดสอบ สมรรถนะวิชาชีพครู พร้อมปรับมาตรฐานประเมินนักเรียน มองสำคัญศักยภาพรายบุคคล

“นฤมล” ประชุมคุรุสภา เห็นชอบปรับเกณฑ์ทดสอบ สมรรถนะวิชาชีพครู พร้อมปรับมาตรฐานประเมินนักเรียน มองสำคัญศักยภาพรายบุคคล

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1 ต.ค.68 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 10/2568 โดยมีนายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เข้าร่วม

 

ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ประจำปี 2568 ซึ่งมีผู้ผ่านการทดสอบจำนวน 14,925 คน คิดเป็นร้อยละ 54 ของผู้สำเร็จการศึกษาครูทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบางส่วนเห็นว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านการศึกษาได้รับการประเมินตามระบบของแต่ละสาขาอยู่แล้ว ขณะที่บางสาขาที่เน้นทักษะเฉพาะ เช่น วิศวกรรม หรืองานช่าง ไม่สามารถวัดผลด้วยข้อสอบวิชาการ จึงอาจทำให้จำนวนผู้ผ่านการทดสอบไม่สูงเท่าที่ควร

“ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์การทดสอบใหม่ โดยเน้นการวัดความรู้ด้านวิชาชีพครูเป็นหลัก ลดหรือยกเลิกการทดสอบกลุ่มสาขาวิชา พร้อมทั้งชะลอการทดสอบรายกลุ่มสาขาวิชาในรอบถัดไป ซึ่งเดิมจะจัดเดือนมกราคม 2569 ออกไปก่อน”

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. … ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ เพื่อผลิตครูที่มีความรู้ความสามารถ สมรรถนะสูง และมีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษโดยเฉพาะ

ในส่วนของการรับรองคุณวุฒิทางการศึกษา ที่ประชุมอนุมัติให้กับ 46 แห่ง จำนวน 131 หลักสูตร ครอบคลุม ปริญญาตรีทางการศึกษา 122 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 6 หลักสูตร ปริญญาโททางการศึกษา (วิชาชีพบริหารการศึกษา) 2 หลักสูตร และปริญญาเอกทางการศึกษา 1 หลักสูตร นอกจากนี้ ยังอนุมัติการปรับแผนการรับนักศึกษาปริญญาตรีทางการศึกษาของ 3 แห่ง รวม 6 หลักสูตร

 

ภายหลังการประชุม ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ตนได้มอบนโยบายให้ สพฐ. ปรับระบบการวัดและประเมินผลผู้เรียน โดยเน้นประเมินตามศักยภาพรายบุคคล ไม่ยึดเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาความสามารถด้านต่าง ๆ ของนักเรียน ทั้งด้านวิชาการ ศิลปะ กีฬา ภาษา และดนตรี

“ดิฉันฝากให้ สพฐ. พิจารณาเกณฑ์การประเมินนักเรียนรายบุคคล เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการเรียนของตัวเองกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเด็กระดับชั้นเดียว และเทียบกับผลการเรียนของคนเองในอดีตว่ามีพัฒนาการดีขึ้นหรือไม่ ไม่ใช่ประกาศผลแบบจัดลำดับเหมือนที่ผ่านมา และควรเลิกระบบดังกล่าวได้แล้ว นอกจากนั้น การให้คำจำกัดความเด็กเก่ง ไม่ควรมุ่งไปที่สายคณิต-วิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรสนับสนุนความสามารถเฉพาะด้านของเด็กแต่ละคน เพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่และไม่เสียโอกาสในการต่อยอดความสามารถเฉพาะด้านอื่นๆ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“AIA ONE BILLION DAY 2025” รวมพลังคนรักสุขภาพกว่า 10,000 ชีวิต ร่วมสร้างสุขภาพที่ดีและสังคมที่ยั่งยืน ณ โบนันซ่า เขาใหญ่
"นันทิวัฒน์" ย้ำคนข้างบ้านไว้ใจไม่ได้ ศาลโลกยังเป็นที่พึ่งเขมร ลั่นฮุนตัวพ่อพูดชัดอยากได้แผ่นดินไทย
"ดีอี" เตือนปชช.ข่าวปลอม “คนละครึ่งเฟส 2 เริ่มลงทะเบียน ธ.ค.นี้” อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
"ธรรมนัส" บินด่วนหาดใหญ่! หลังเจอวิกฤตน้ำท่วม เมืองจมหลายจุด ปชช.เดือดร้อนหนัก ติดค้าง ไม่มีอาหารและไฟฟ้าใช้
ระทึก! กระบะห้องเย็นน็อตล้อขาด พลิกคว่ำไถลกว่า 100 เมตร หนุ่มวัย 44 รอดหวุดหวิดกลางถนนฉะเชิงเทรา
"ดร.สมเกียรติ" ออกมาโต้ข่าวลือ ยันทำหน้าที่ผู้บริหาร TDRI ไม่ได้ร่วมงานการเมืองพรรคใด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​