วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง ได้เกิดอุทกภัยเมื่อช่วง 04.00 น.ของ วันที่ 30 กันยายน 2568 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างหลายหมู่บ้าน หลายตำบล ต่อมาเวลา 16.00 น.ของเย็นวานนี้ นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง ส่วนราชการ หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ซึ่งเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในหลายพื้นที่ของอำเภอแม่สะเรียงประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและดินสไลด์อย่างต่อเนื่อง
โดยที่ บ้านป่าหมาก ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก บ้านเรือนราษฏรถูกน้ำป่าพัดเสียหาย รวม 15 หลัง นางลัดดาวัลย์ พงษ์โชครวย อายุ 38 ปี หนึ่งผู้ที่ได้รับกระทบได้พูดคุยกับ รองผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ทั้งน้ำตา ว่า หมดสิ้นทุกอย่างแล้วบ้านของตนเองกับญาติ 2 หลังถูกน้ำป่าพัดเสียหาย พร้อมรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน เคราะห์ดีที่ครอบครัวยังมีชีวิตรอดมาได้ นอกจากนั้นยังมีสัตว์เลี้ยงและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจ
ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ โดย รองผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูเยียวยาและให้ความช่วยเหลือราษฏรที่บ้านได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วนที่สุด
นอกจากบ้านเรือนราษฏรแล้ว ยังมีโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลากอย่างหนัก คือ โรงเรียนบ้านห้วยแห้ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง น้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่โรงเรียน อาคารห้องเรียนได้รับความเสียหาย โรงครัว และ มีจักรยานยนต์ครูได้รับความเสียหลายคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
จากรายงานเบื้องต้น ระบุว่า มีชุมชนในพื้นที่รวม 7 ตำบล กว่า 50 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยความเสียหายครอบคลุมทั้งบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร ถนนสายหลักและสายรอง ตลอดจนสะพานเชื่อมหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำพัดขาด ทำให้การสัญจรเข้าออกยากลำบาก บางพื้นที่ถูกตัดขาดไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องใช้เรือและกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันยังมีรายงานดินโคลนถล่มในพื้นที่ภูเขา ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขา
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งหน่วยงานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเน้นทั้งการกู้โครงสร้างพื้นฐานชั่วคราว อาทิ การสร้างสะพานเบลีย์ การเปิดเส้นทางจราจรเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ รวมถึงการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้กับผู้ประสบภัย และเร่งสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด ทั้งในด้านบ้านเรือน สาธารณูปโภค พื้นที่การเกษตร และทรัพย์สินของประชาชน เพื่อจัดทำบัญชีข้อมูลนำไปสู่การวางแผนการเยียวยาและการฟื้นฟูในระยะต่อไป โดยย้ำว่าการช่วยเหลือจะต้องครอบคลุมและทั่วถึงทุกครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ