“ฮุนเซน” ไม่หยุดโกหกโชว์เอกสาร “กัมพูชา” ฟ้องนานาชาติ ไทยไล่คนเขมรออกบ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน

"ฮุนเซน" ไม่หยุดโกหกโชว์เอกสาร "กัมพูชา" ฟ้องนานาชาติ ไทยไล่คนเขมรออกบ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เอกสารของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทย ในหมู่บ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว) และหมู่บ้านโจกโจย (บ้านหนองจาน) จ.บันเตียเมียนเจย ต่อคณะทูตและตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ โดยเนื้อหาระบุว่า เช้าวันที่ 25 กันยายน 2568 นางอีตโซเฟีย รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้เข้าพบคณะทูตและตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ของสหประชาชาติ เพื่อบรรยายสรุปเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทย การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากกระทรวงและสถาบันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย

เนื้อหาเอกสารดังกล่าวอ้างถึงคำพูดของนายอีต โซเฟียว่า หลังจากการหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 24.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 และข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย ในการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 กัมพูชาได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการปฏิบัติตามข้อตกลง ความพยายามเหล่านี้ส่งผลให้การประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) 4 ครั้ง และการประชุมพิเศษครั้งแรกของ GBC ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้แม้กัมพูชาและไทยจะมีพัฒนาการเชิงบวกเหล่านี้ แต่รองโฆษกกองทัพบก , องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว และสื่อมวลชนไทยบางสำนัก นำเสนอและเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมสาธารณะ และแผนที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งแสดงตำแหน่งของเสาหลักเขตแดนในพื้นที่ “บ้านเปรยจัน” และ “บ้านโจกเจย” ตำบลโอเบยโชน อำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยการนำเสนอเหล่านี้ยังใช้เอกสารทวิภาคีและข้อมูลอื่น ๆ บางส่วน ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณเส้นแบ่งเขตแดน และเป็นข้ออ้างในการสร้างความตึงเครียด โดยการขับไล่พลเรือนชาวกัมพูชาออกจากบ้านเรือนและที่ดินที่พวกเขาอาศัยอยู่และพึ่งพาอาศัยมานานหลายทศวรรษอย่างผิดกฎหมาย

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก “Royal Thai Army: Update” ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีชายแดนเดียวกัน โดยระบุข้อมูลที่ไม่ถูกต้องว่า หัวหน้าคณะสำรวจร่วมกัมพูชา-ไทย ได้แก่ H.E. Lay Siengly และพลเอก Chhakan Bunphakdy ได้ลงนามรับรองเขตแดนในพื้นที่หมู่บ้านเปรยจัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเสาหลักชายแดนหมายเลข 42 และ 43 อย่างเป็นทางการระหว่างปี 2559 และ 2560 ทำให้สำนักงานเลขาธิการรัฐว่าด้วยกิจการชายแดนได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568

เอกสารระบุว่ต่อา นายอีต โซเฟีย เน้นย้ำว่า แม้จะใช้เส้นแบ่งเขตแดนที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งไทยได้วาดไว้ฝ่ายเดียวบนภาพถ่ายดาวเทียม ระหว่างเสาหลักชายแดนที่ 42 และ 43 และเสาหลักชายแดนที่ 44 และ 47 สถานการณ์จริงบนพื้นดินก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พลเรือนไทยกำลังยึดครองและแสวงประโยชน์จากดินแดนชายแดนฝั่งกัมพูชา โดยตระหนักถึงความซับซ้อนและความละเอียดอ่อนของปัญหาชายแดน จึงขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างรอบคอบและแม่นยำ ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในหลักการและข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุไว้ก่อนหน้านี้

ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกัมพูชาและไทย โดยปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของการประชุม GBC สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 วาระการประชุมย่อยข้อ 8.1 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ที่จะส่งต่อข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องหมู่บ้านเปรยจัน และหมู่บ้านโจกเจย ให้คณะกรรมการกำหนดเขตแดนร่วม (JBC) พิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน นอกจากนี้ในการประชุม GBC เดียวกันนี้ ยังได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย (กัมพูชา) และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว (ประเทศไทย) ร่วมกันจัดการสถานการณ์ในพื้นที่โดยสันติวิธี รวมถึงการยุติกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้เกิดข้อพิพาทรุนแรงขึ้นหรือความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ในระหว่างรอข้อยุติจาก JBC

ทั้งนี้นางอีต โซเฟีย ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของกัมพูชาในการรักษาและปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงและข้อตกลงทั้งหมดที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ควบคู่ไปกับการยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อหลักการในการแก้ไขข้อพิพาททั้งหมดด้วยสันติวิธี ความมุ่งมั่นนี้ มีพื้นฐานอยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (MOU 2000) ซึ่งยังคงเป็นสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันระหว่างสองประเทศ ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของกัมพูชาในการรักษาและปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงและข้อตกลงทั้งหมดที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ และขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อคณะทูตและตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ สำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อการหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย เธอยังขอบคุณพวกเขาที่สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือข่มขู่คุกคาม และร่วมกันฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศและประชาชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สุชาติ" เข้ากระทรวงฯ วันแรก ลุยทันที วาง 5 แนวทางขับเคลื่อนงานเพื่อประชาชน ตั้งเป้าเห็นผลใน 4 เดือน
ศนค.สพฐ. พัฒนาเจ้าหน้าที่ 29 เขตพื้นที่ ช่วยเหลือแก้หนี้ครู ทำแผนฟื้นฟูหนี้สินอย่างยั่งยืน
"ชาวเชียงใหม่" ตื่นตัว ปภ.เตือนแม่น้ำปิงล้นตลิ่ง ปริมาณน้ำเหนือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
จี้ซ่อมแซมด่วน งบสร้างถนน 1,413 ล้าน เปิดใช้งานไม่ถึงปีถนนพังยับ
"หงส์ไทย" ยืนหยัดคู่สังคมไทย ร่วม "มูลนิธิยังมีเรา" ลงพื้นที่ช่วยเหลือ เป็นกำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม
"ผกก.สน.สามเสน" สอบปมถนนสามเสนทรุดตัว เร่งรวบรวมหลักฐาน เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​