วันที่ 23 ก.ย.68 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้ามา และให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ว่า ร่างพรรคประชาชนได้ยื่นกับประธานสภา ผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่เห็น แต่ได้ทราบถึงรายละเอียด ซึ่งเรามี 2 ข้อสังเกตต่อร่างของ 2 พรรคการเมือง
ข้อสังเกตแรก เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราเห็นว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ ซึ่งเราเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่างๆ ตนเข้าใจประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย
ขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทย ตามข้อมูลที่ปรากฏวานนี้ (22 ก.ย.) เห็นได้ว่าใช้วิธีการเปิดรับสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา เราจึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่
ส่วนข้อสังเกตที่สอง เราต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด สสร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่าง ให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด หัวใจของเรื่องนี้คือการที่เราออกแบบวิธีการให้รัฐสภาคัดเลือก ผู้สมัครหรือผู้ที่ถูกสรรหาอย่างไร ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชน คณะกรรมาธิการยกร่างจะให้รัฐสภาคัดจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา 70 คน ให้เหลือ 35 คน แต่วิธีการคัดเราให้แบ่งตามสัดส่วน สส. , สว. และพรรคการเมือง
“ พูดง่ายๆ คือเรามีสมาชิกรัฐสภา 700 คน เอา 700 มาหาร 35 จะเห็นได้ว่า สว.ต้องรวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อเสนอกรรมาธิการ 1 คน เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทางการเมือง สามารถผูกขาดกระบวนการในการคัดเลือกตรงนี้ได้ แต่โมเดลที่เราเห็นของพรรคภูมิใจไทย และไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นเช่นไร คือ การใช้วิธีการคัดเลือกโดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คิดง่ายๆ คือมีพรรคการเมืองหนึ่งมี สส. 200 คน จากการเลือกตั้งครั้งถัดไป แล้วมี สว. คิดคล้ายๆ 160 คน รวมเป็น 360 คน ก็เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา นั่นหมายความว่าสามารถผูกขาดเลือกคนที่ไปทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น สสร. หรือ คณะกรรมการยกร่าง”
ช