“ภราดร” ขออย่าระแวงกันเอง ปมแก้รธน. หลัง “ปชน.” หวั่นกินรวบ เชื่อคุยกันได้ เพราะมีปลายทางเดียวกัน

“ภราดร” ขออย่าระแวงกันเอง ปมแก้รธน. หลัง "ปชน." หวั่นกินรวบ เชื่อคุยกันได้ เพราะมีปลายทางเดียวกัน

วันที่ 23 กันยายน ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโมเดลเลือก ส.ส.ร. ชัดเจนหรือยัง ว่า ตามมาตรา 256 ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พรรคภูมิใจไทยใกล้ครบถ้วน วันนี้จะมีการลงชื่อเพิ่มเติม แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียงหนึ่งในห้า แต่พวกเรามีเพียง 69 เสียง ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขได้ ต้องขอความเห็นชอบจากสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล 146 คน มีการพูดคุยนอกรอบจะได้มีการรวบรวมรายชื่อ ในวันนี้แต่ละพรรคการเมืองจะมีการประชุมพรรค คาดว่าน่าจะได้รายชื่อครบถ้วน และในวันพรุ่งนี้ (24 กันยายน) จะนัดหมายยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อบรรจุระเบียบวาระ

เมื่อถามว่า ตกผลึกหรือยังว่าจะใช้โมเดลไหน นายภราดร เผยว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยที่มาของ ส.ส.ร. พยายามแก้ไขร่างเดิมก่อนที่จะคำวินิจฉัยของศาล ตั้งใจที่จะให้ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญและเป็นไปตามคำวินิจฉัย เรานำร่างมาแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของ ส.ส.ร. รูปแบบของเราแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 77 คน จังหวัดละหนึ่งคน วิธีการได้มาให้ผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครเป็น ส.ส.ร. ให้สมัครตามจังหวัดต่างๆ อาจจะมีการหารือกับ กกต. ให้เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของการสมัคร เมื่อได้ผู้สมัครครบถ้วนก็จะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกให้เหลือจังหวัดละ 1 คน เลือกจากทั้งหมด และให้รัฐสภาเลือกเหลือ 1 คน จะได้จังหวัดละ 1 คน เท่ากับ 77 คน ส่วนที่สองมาจากนักวิชาการด้านต่างๆ คุณสมบัติแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.ส่วนของนิติศาสตร์ 7 คน 2.นักรัฐศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญ 7 คน 8.ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น 8 คน รวม 22 คน ใช้วิธีเดียวกันคือให้ผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครไปสมัครทั้งสามช่อง เมื่อได้ผู้สมัครครบถ้วนก็จะส่งให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกในแต่ละส่วนตามสัดส่วนตามจำนวน 77 เมื่อรวมทั้งหมดสองส่วนก็จะจะมี 99 คน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนจะมีการพูดคุยกับพรรคประชาชนเรื่องของโมเดลต่างๆ หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยนอกรอบตลอด เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็พูดคุยกัน ทั้ง นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เป็นหัวหน้าทีม ตนและ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง, น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี ไปคุยกับพรรคประชาชนนอกรอบ อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นแกนนำหารือเบื้องต้น หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาล เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการตีความหลังจากที่เรายื่นแก้ไขแล้ว เพราะรู้ว่าเวลาของรัฐบาลและสภาชุดนี้มีระยะ 4 เดือน หากกระทำการใดๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดคำวินิจฉัยของศาล อาจจะนำไปสู่การส่งตีความได้ ทำให้เกิดกระบวนการชะงักหยุดลงไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ทุกพรรคทุกส่วนควรพูดคุยกันถึงข้อจำกัดที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย

 

 

การที่ นายพริษฐ์ พูดถึงโมเดลพรรคภูมิใจไทย เสี่ยงถึงการกินรวบนั้น นายภราดร กล่าวว่า ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก พรรคภูมิใจไทยมีแค่ 70 เสียง จะกินรวบแบบไหน พรรคประชาชนมี 140 กว่า พรรคเพื่อไทยมี 140 กว่า เราจะกินรวบยังไง

“อย่าหวาดระแวงทางการเมืองจนเกินไป แทนที่จะเดินหน้ากลับต้องถอยหลัง เป้าหมายสูงสุดของพวกเราร่วมกันคือเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มัวแต่หวาดระแวงเชื่อว่าการเดินหน้าจะเป็นไปได้ยาก เพราะเวลามีจำกัด 4 เดือน เชื่อว่าทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจ เพราะมีเป้าหมายเดียวกันคือพยายามเดินหน้าแก้ไขและธรรมนูญตามเอ็มโอเอให้เสร็จในรัฐบาลนี้”

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ได้ให้รัฐสภาเลือกจะแบ่งตามสัดส่วนเป็นโควตาอย่างไร นายภราดร ถามกลับว่า ถ้าแบ่งเป็นโควตายิ่งกินรวบหรือไม่ พรรคที่มีเสียงมากก็จะได้สัดส่วนตามกรรมาธิการต่างๆ พรรคที่มีเสียงน้อยก็จะได้สัดส่วนน้อย แบบนี้ต่างกันอย่างไร

ส่วนที่กังวลว่า ถ้าใช้เสียงโหวตกังวลว่าจะเป็น สว.สีน้ำเงิน จะดูผูกขาดไป จึงอยากให้แบ่งสัดส่วนนั้น ในร่างของพรรคประชาชนเราไม่ได้เห็นต่างกัน ตัวร่างของพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่เริ่มแรก เราตั้งใจให้ประชาชนเป็นผู้เลือก แต่ข้อจำกัดของศาลรัฐธรรมนูญถ้าทำการใดที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดคำวินิจฉัยศาล ร่างของพรรคประชาชนเองแม้จะบอกว่าเลือกแบบอ้อม ตนไม่มั่นใจว่าจะมีคนนำไปสู่การตีความหรือไม่ ให้ประชาชนเลือกมาชั้นหนึ่ง สุดท้ายให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกอีกครั้ง ช่วงรัฐสภาเป็นผู้เลือกท้ายที่สุดไม่มีปัญหา แต่ช่วงแรกที่ประชาชนเป็นผู้เลือกจะนำไปสู่การตีความหรือไม่ สังคมรู้ว่าคนที่ไม่อยากให้แก้ก็มี อย่าไปเปิดช่องให้คนที่ไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญให้มีช่อง

 

 

หากจะไม่ลงรอยกันในลักษณะนี้จะไปกันรอดหรือไม่ นายภราดร เผยว่า ยังมีเวลาอีกมากพอสมควร เป็นแบบนี้ในการเสนอกฎหมายใดๆ ไม่มีใครเห็นเหมือนกันทั้งหมด แต่ละพรรคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าไปทางเดียวกันเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากทุกคนมีทางเดียวกันต้องเจรจาพูดคุย ไม่ใช่เพียงช่องกลาง แต่เป็นช่องทางที่ทุกฝ่ายเดินได้ ไม่เกิดการสะดุดระหว่างทาง ทุกฝ่ายมีเจตนาร่วมกันสามารถพูดคุยเจรจาได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

'รากาซา' แผลงฤทธิ์ ทำน้ำจากเทือกเขาพนมดงรักหลากท่วมถนน 24 และใกล้ตัวอำเภอสังขะ
"แม่ทัพกุ้ง" แจงเหตุทหารเขมร ยิงปืน"ภูผี"ศรีสะเกษ ไทยโต้กลับ ยอมล่าถอยทันที
อพท.น่าน จัดประชุมสัมมนาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านนานาชาติ เชื่อมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก
"นายกฯอนุทิน" ยันแล้วไม่บินร่วมเวที UNGA มั่นใจพร้อมรับมือกัมพูชาฟ้องใส่ร้าย ลดทอนเชื่อมั่นไทย
ผบช.ภ.5 แถลงปฏิบัติการไล่ล่าทรชนคนอันธพาลจับกุม "ไอ้ท็อป" หัวหน้าแก๊งฟันมือเด็กหญิงขาด
"ผบ.ทบ." กล่าวขอบคุณกำลังพลที่จะเกษียณอายุราชการ ที่ได้สร้างคุณูปการต่อกองทัพบกพร้อมขอบคุณหน่วยขึ้นตรงที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจขับเคลื่อนกองทัพบกตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​