ตนเองในฐานะทนาย ตนได้ขอให้เรือนจำและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ช่วยตรวจสอบและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีสัญญาณของโรคกำเริบ ก็ไม่ควรมองข้าม การส่งตัวรักษาหรือเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดถือเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นสิทธิที่พึงได้รับ ไม่ใช่การขอเป็นกรณีพิเศษ

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงประเด็นความปลอดภัยว่า ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่เรือนจำว่าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับแรก เนื่องจากนายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจมีบุคคลที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองอยู่ในเรือนจำเดียวกัน

สำหรับการเข้าเยี่ยมของบุคคลภายนอกที่ไม่มีรายชื่อ นายวิญญัติ ระบุว่า ตามระเบียบยังไม่สามารถอนุญาตได้ แม้จะมีนักการเมืองหรือผู้ที่ห่วงใยต้องการเข้าเยี่ยม แต่ขณะนี้ทั้งทางเรือนจำและตัวนายทักษิณเองยังไม่พร้อม

“หากจะมีบุคคลใดเข้าเยี่ยม ต้องได้รับความยินยอมจากตัวผู้ต้องขังด้วย และต้องอยู่ภายใต้ระเบียบที่กำหนด ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีความปรารถนาดี และส่งกำลังใจมาอย่างต่อเนื่อง และมาให้กำลังใจหน้าสถานที่ทุกวัน”

สำหรับสภาพจิตใจของนายทักษิณ ทนายความเปิดเผยว่า ไม่ได้สอบถามโดยตรงว่าท่านรู้สึกเครียดหรือไม่ แต่ยอมรับว่าอาการนอนไม่หลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งตนมองว่าแม้คนเราจะไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่การนอนไม่หลับก็เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลต่อความดันโลหิตที่แปรปรวนได้ “อย่างกรณีของท่านทักษิณมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว การติดตามสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจตลอดเวลา”