ขแมร์ไทม์สเผยแพร่บทความที่เขียนโดยรอด สันติเพียพ นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์กัมพูชาที่ยกย่องชื่นชมทั้งรัฐบาลและประชาชนกัมพูชาว่ายึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชาที่เพิ่งบรรลุไปเมื่อเร็วๆนี้ แต่ประเทศไทยกลับเลือกสิ่งที่ตรงข้าม แทนที่จะใช้ความพยายามลดการเผชิญหน้า สถาบันบางแห่ง โดยเฉพาะกองทัพและสื่อมวลชนไทยกลับบิดเบือนข้อเท็จจริง กระจายข่าวเท็จและปลุกกระแสความขัดแย้งในหมุ่ประชาชนของสองประเทศตามแนวพรมแดน ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เพียงบ่อนทำลายข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางอยู่แล้ว แต่ยังเป็นภัยต่อความร่วมมือและการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนด้วย
นายรอดได้ชี้นิ้วไปที่โฆษกของกองทัพไทยว่าทำตัวเสมือนโรงงานผลิตเฟคนิวส์ มีทั้งบิดเบือนและให้ข้อมูลเกินความจริง มีการแปลความการกระทำของกัมพูชาแบบผิดๆ และจุดไฟปลุกกระแสชาตินิยมในหมู่ประชาชน นอกจากช่องทางการสื่อสารของทางการแล้ว ก็ยังมีอินฟลูเอ็นเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย อย่างวาสนา นาน่วม ที่สะท้อนและช่วยกระจายเฟคนิวส์เหล่านี้ จนจุดขยายความโกรธแค้นและสร้างความเข้าใจผิดๆในหมู่ประชาชนชาวไทย พร้อมกล่าวหาการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่สื่อมวลชน, ไม่ใช่ความรักชาติแต่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความแตกแยกล้วนๆ
นายรอดยังชี้ว่าการสร้างเฟคนิวส์อของกองทัพและสื่อไทยถือเป็นการละเมิดหลักการต่างๆที่สองรัฐบาลได้ประกาศไว้ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการทั่วไปชายแดน หรือ GBC ในวันที่ 7 สิงหาคม และ 10 กันยายน ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาต่างเห็นชอบว่าการเผยแพร่เฟคนิวส์จะต้องยุติลงเพื่อลดการเผชิญหน้าและนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ซึ่งกัมพูชานั้นยึดมั่นหลักการอย่างครบถ้วน แต่ไทยกลับยอมให้โฆษกกองทัพและเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์มาทำลายหลักการเหล่านี้ ซึ่งไม่เพียงบ่อนทำลายข้อตกลงหยุดยิงแต่ยังทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองด้วย
เรื่องนี้นายรอดมองว่าเป็นความประมาทและอันตรายเพราะอาจทำให้ความตึงเครียดที่ขณะนี้ยังในความควบคุมยกระดับเป็นการเผชิญหน้าที่รุนแรงเกินการควบคุม และว่ากัมพูชาจึงขอวิงวอนต่อโฆษกกองทัพไทยและวาสนา นาน่วมโดยตรง ให้หยุดแพร่ข่าวเท็จและชี้นำประชาชนคนไทยไปในทางที่ผิดและหยุดจุดไฟแห่งความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายให้ยึดมั่นและเคารพข้อเท็จจริงและหลักการที่ตกลงกันใน GBC
นักวิเคราะห์รายนี้ยังเรียกร้องประชาคมโลก อย่างสมาคมอาเซียน, UN และสื่อต่างชาติให้ตระหนักถึงกระบวนการบิดเบือนข้อเท็จจริงและการยุยงปลุกปั่นของไทยที่หวังเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น โดยแลกมาด้วยความมั่นคงในระยะยาว ตรงกันข้ามกับกัมพูชาที่อดทนอดกลั้น มีวินัยและยึดมั่นในสันติภาพ และว่าสันติภาพไม่ได้สร้างขึ้นด้วยการโกหก แต่สร้างขึ้นจากความจริงเท่านั้น และต้องเป็นการเจรจาที่จริงใจและเคารพซึ่งกันและกัน จึงจะสามารถเปลี่ยนเส้นเขตแดนจากที่เคยเส้นแบ่งแยกให้เป็นสะพานแห่งความร่วมมือ และว่ากัมพุชาเลือกเส้นทางแห่งส้นติภาพ ประเทศไทยก็ควรทำเช่นเดียวกัน