
มช. มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล อาทิ ด้านการบริหารจัดการน้ำ Water Management ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ได้มีการนำความรู้จากส่วนงานต่างๆ ไปช่วยแก้ไขปัญหา อาทิ ศูนย์วิชาการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ มช. ซึ่งได้จัดทำระบบเตือนภัยน้ำท่วมพื้นที่เขตเมืองเชียงใหม่ กรณีน้ำจากแม่น้ำปิงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ โดยมีเครื่องมือสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนอย่างทันท่วงที ได้แก่
1. แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม (Flood Hazard Map) 2. หลักเตือนระดับน้ำท่วมเขตเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (CM Flood Poles) 3. เครื่องหมายระดับน้ำท่วม (Flood Mark) รวมถึงศูนย์วิจัยด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มช. ซึ่งมีอาจารย์นักวิชาการที่เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกับหน่วยงานภาครัฐและจังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมที่จะช่วยติดตามระดับน้ำเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชน เช่น เครื่องวัดระดับน้ำอัตโนมัติ FloodBoy เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ด้วย AI ช่วยแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าในพื้นที่ภาคเหนือที่มีความเสี่ยงระวังน้ำท่วม น้ำหลาก ไปจนถึงน้ำรอการระบาย และการรายงานน้ำท่วมผ่าน PODD (ผ่อดีดี) แจ้งเหตุผ่านไลน์ @podd-report ซึ่งผู้พบเห็นเหตุสามารถแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ และตอบสนองต่อสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับด้านการรับมือและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 อย่างยั่งยืน ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงได้ง่าย เช่น ระบบติดตามค่าฝุ่น PM2.5 และคุณภาพอากาศประเทศไทย สำหรับประชาชน ผ่าน Line Official Account: Air Quality by CMU (@aircmu), Dustboy เครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศด้วยระบบเซนเซอร์ รายงานสถานการณ์ฝุ่นแบบ Real Time ที่ติดตั้งทั่วประเทศ, FireD ระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมป้องกันตนเองจาก PM2.5 อย่างห้องปลอดฝุ่นและมุ้งสู้ฝุ่น ที่ใช้หลักการแรงดันอากาศความดันบวก นำอากาศที่ดีผ่านการกรองเข้ามาและปิดกั้นอากาศที่ไม่ดี ซึ่งมีคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มช. เป็นหน่วยงานหลัก

พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยยังขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศที่มุ่งความยั่งยืน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลาง Carbon Neutrality เช่น การดำเนินการของศูนย์บริหารจัดการชีวมวลครบวงจร การนำขยะเปลี่ยนเป็นพลังงาน การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนอาคารต่างๆ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในมหาวิทยาลัย การพัฒนาถนนจากขยะพลาสติก
ในด้านการพัฒนาการจัดการศึกษา มหาวิทยาลัยมุ่งพัฒนาสู่มหาวิทยาลัยดิจิทัลและ AI มีการเปิดหลักสูตรที่บูรณาการการเรียนรู้หรือมีความร่วมมือกับผู้ใช้บัณฑิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการในอนาคต สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศาสตร์แห่งความยั่งยืนแห่งแรกของเอเชีย เป็นหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาตรี จากศาสตร์ความรู้ 9 คณะ, “SAFE” หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาผู้ประกอบการด้านเกษตรอัจฉริยะและอาหาร จากความร่วมมือ 6 คณะ เพื่อสร้างผู้ประกอบการเกษตรอัจฉริยะและอาหารอย่างครบวงจร ตั้งแต่ฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร พร้อมทั้งเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย มีการให้ความรู้เรื่อง Al กับชุมชนสังคม และสร้างทักษะใหม่ที่ตรงใจตลาดงาน พร้อมทั้ง Reskill Upskill เตรียมความพร้อมนักศึกษาในทุกมิติ อีกทั้งยังมีชุดหลักสูตร Data Science From Zero to Hero แพ็คเกจ 10 หลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เรียนรู้ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น โดยใช้ Microsoft Excel ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เบื้องต้น เพื่อให้ผู้เรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และพร้อมปรับตัวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเน้นการส่งเสริมนวัตกรรมการแพทย์ สุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณภาพชีวิตประชาชนสูงสุด เช่น นวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด New Chapter of Med CMU Robotic Surgery Center แห่งแรกของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวเร็ว และลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย

อีกทั้งได้ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย นวัตกรรม และการเชื่อมโยงสู่ความร่วมมือระดับโลก ตลอดจนมุ่งส่งเสริมความเป็นสากลและสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ เชื่อมต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการ One Faculty One MoU มีการจัดทำหลักสูตร Double Degree PhD in Dentistry (International Program) กับมหาวิทยาลัย Tohoku ประเทศญี่ปุ่น เน้นส่งเสริมการวิจัยและแลกเปลี่ยนนักศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความร่วมมือกับ Nanjing University of Information Science & Technology และ Nanjing Medical University สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มุ่งแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ , โครงการ BIG BANG ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Taisei Corporation ประเทศญี่ปุ่น เน้นการพัฒนา Carbon-Free Concrete สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างแนวทางสู่อุตสาหกรรมยั่งยืน