คำวินิจฉัยศาลฎีกาฯ สั่งจำคุกให้ครบ 1 ปี ชี้ “ทักษิณ” มีส่วนร่วมกับ 3 แพทย์ เอื้อประโยชน์ส่งตัวนอนชั้น 14

คำวินิจฉัยศาลฎีกาฯ สั่งจำคุกให้ครบ 1 ปี ชี้ "ทักษิณ" มีส่วนร่วมกับ 3 แพทย์ เอื้อประโยชน์ส่งตัวนอนชั้น 14

วันนี้(9 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคดีการบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่

เวลา 08.35 น. ทีมทนายความของนายทักษิณ นำโดยนายวิญญัติ ชาติมนตรี เดินทางไปถึงศาลฎีกา จากนั้น เวลา 09.25 นายทักษิณ เดินทางมาพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ลูกเขย น.ส.พินทองธา คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา โดยนายทักษิณเดินทางมาโดยรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์-มายบัค ทะเบียน พร 195 กรุงเทพฯ คันเดียวกับ น.ส.แพทองธาร เมื่อมาถึง นายทักษิณได้ยกมือไหว้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาตะโกนให้กำลังใจอยู่ด้านหลังแผงเหล็กกั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในศาล

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ขณะที่ตำรวจนครบาลได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจาก สน.ชนะสงคราม และกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อย จำนวนประมาณ 170 นาย มารักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณศาลฎีกา

ล่าสุดมีรายงานงานว่า ศาลมีคำสั่งว่า กระบวนการส่งตัวนายทักษิณออกไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ถือว่าการบังคับโทษไม่เป็นไปตามคำพิพากษา ต้องมีการบังคับโทษใหม่ ให้ส่งตัวนายทักษิณไปรับโทษจำคุกในเรือนจำเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายทักษิณไปเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที

ทั้งนี้ นายทักษิณ ถูกพิพากษาให้มีความผิดกรณีทุจริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 คดีด้วยกัน ได้แก่ คดีหวยบนดิน มีโทษจําคุก 2 ปี คดีให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้แก่รัฐบาลพม่า จําคุก 3 ปี และคดีแปลงสัมปทานโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปฯ จําคุก 5 ปี แต่ศาลให้รวมเวลาจําคุกคดีหวยบนดินกับคดีปล่อยกู้ เข้าด้วยกันจึงเหลือจําคุกแค่ 3 ปี นำไปรวมกับคดีชินคอร์ปฯ จึงกลายเป็นจําคุก 8 ปี

โดยนายทักษิณได้เดินทางจากต่างประเทศกลับมารับโทษเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 แต่ในคืนวันเดียวกันนั้นได้ออกไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจทันที โดยอ้างว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงหลายโรคซึ่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สารมารถดูแลรักษาได้อย่างไรก็ตาม ต่อมานายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษนายทักษิณ จาก 8 ปี เหลือ 1 ปี

 

ศาลฎีกาฯ เห็นว่าการบังคับโทษของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทราบข้อเท็จจริงว่าตนไม่ได้ป่วยฉุกเฉินแต่มีโรคเรื้อรังซึ่งรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้

จำเลยเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของแพทย์ปฏิเสธการรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอทับเส้นประสาท แต่ผ่าตัดนิ้วล็อก ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วน ถือว่าจำเลยได้รับประโยชน์ โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำ จนถึงได้รับการปล่อยตัว

และเมื่อมีพระบรมราชโองการอภัยโทษหนึ่งปีนั้น ย่อมทำให้จำเลยลดโทษและเหลือการรับโทษอีกหนึ่งปี แต่ไม่ได้ทำให้การบังคับโทษนั้นสิ้นสุด จำเลยต้องรับโทษอีกหนึ่งปีตามพระบรมราชโองการ และข้อชี้แจงทั้งหมดของจำเลยฟังไม่ขึ้น

การรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นไปโดยมิชอบ รวมถึงการบังคับโทษมิชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่สามารถนำการอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจมานับโทษได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หางโจวจัดแข่งทักษะ 'ไลฟ์สด' ขายสินค้าเกษตร
มท. – กปร. ผนึกกำลัง จัดเวิร์กช็อป ‘One Plan’ ดันโครงการพระราชดำริในนครศรีธรรมราช
ผนึกกำลังทุกภาคส่วน แถลงขับเคลื่อนเชียงใหม่ 12 เดือน 12 เทศกาล สู่ World Festival Destination
Goodwill Games 2025 กระชับมิตรไทย–มาเลเซีย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฮิวแมนนอยด์จีน โชว์ลีลา “ออกหมัดฮุค”
ชาวบ้านผวา! กลุ่มวัยรุ่นยกพวกพร้อมอาวุธครบมือ บุกบ้านหาเรื่องคู่อริ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​