เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ได้พบปะทักทาย และส่งกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการบำนาญ จ.อุดรธานี ณ หอประชุมโรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา จังหวัดอุดรธานี ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้สวัสดิการข้าราชการและพนักงานของรัฐ ดร.ยลพรรษ์ ศิริรัตน์ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้สวัสดิการข้าราชการและพนักงานของรัฐ นางลาวัลย์ ช่วงชัย คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้สวัสดิการข้าราชการและพนักงานของรัฐ นายกฤษฎา การีชุม ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูหนองบัวลำภู จำกัด นายเจริญ สอนคำหาญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูหนองคาย จำกัด นายสวัสดิ์ พรมโสภณ ประธานสมาพันธ์ข้าราชการครูบำนาญภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดร.พลพิพัฒน์ วัฒนเศรษฐานุกุล รองผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เจ้าหน้าที่สถานีแก้หนี้ครู ข้าราชการบำนาญ (ครู) จากจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดสกลนคร รวมจำนวน 150 คน เข้าร่วม
สำหรับการประชุมดังกล่าว จัดโดยเครือข่ายภาคประชาสังคมแก้หนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และศูนย์ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. โดยมีผู้แทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมประชุม ทั้งในระดับนโยบายและพื้นที่ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการบำนาญในพื้นที่ให้สามารถดำรงชีวิตในบั้นปลายได้อย่างมีความมั่นคงและศักดิ์ศรี ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่เพื่อไปแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการบำนาญ เช่น จังหวัดมหาสารคาม มีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน จังหวัดชัยภูมิ ประมาณ 100 คน จังหวัดเลย ประมาณ 50 คน จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 80 คน จังหวัดอุดรธานี ประมาณ 150 คน รวมกว่า 480 คน
สพฐ. จับมือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลุยช่วยแก้ไขหนี้สินครูบำนาญทั่วประเทศกว่า 1.5 แสนคน ยิ้มได้
- เผยแพร่ : 06/09/2025 18:47

กดติดตาม TOP NEWS
โดยสถานีแก้หนี้ครู (ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) มีการประสานกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและสถาบันการเงินอื่น ๆ ในพื้นที่ เพื่อเจรจา/สนับสนุน/ช่วยเหลือ เช่น การขอลดอัตราดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างหนี้ การรวมหนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทำให้ผู้ประสบปัญหามีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ซึ่งมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทยอยให้ความร่วมมือลดอัตราดอกเบี้ย ประมาณ 44 แห่ง ส่งผลให้ครูบำนาญ ประมาณ 150,000 ราย มีสภาพคล่องดีขึ้นและหนี้หมดเร็ว โดยในปี 2568 จากการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ครูและบุคลากรฯที่มีปัญหาหนี้สิน ในกลุ่มสีแดง ที่มีสถานะถูกฟ้อง ลดลง 1,661 ราย คิดเป็นร้อยละ -37.86, มีสถานะไม่ถูกฟ้อง ดีเพิ่มขึ้น 1,559 ราย คิดเป็นร้อยละ +46.65 และกลุ่มสีเหลือง ดีเพิ่มขึ้น 102 ราย คิดเป็นร้อยละ +7.62 นับว่าเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง สะท้อนถึงการฟื้นตัวฐานะการเงินครูบางกลุ่ม ซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มสีแดงมาก่อน และสามารถเลื่อนสถานะขึ้นมาได้ ทั้งนี้ ยังได้มีการส่งเสริมวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่องผ่าน e-learning หลักสูตร Money coach โดยมีผู้สนใจลงทะเบียนเรียนออนไลน์ทั้งสิ้น 135,513 ราย และผ่านการอบรมแล้ว 101,332 ราย
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวว่า สพฐ. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างต่อเนื่อง ตามที่พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวและสั่งการผู้ที่รับผิดชอบว่า “ข้าราชการบำนาญเป็นปูชนียบุคคล ผู้ที่ได้สร้างชื่อเสียงและคุณประโยชน์ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระทรวงศึกษาธิการมาตลอดชีวิตราชการ ควรได้รับการดูแลและช่วยเหลือ เพื่อให้มีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งครอบครัว“ ขณะที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูเป็น “จุดเน้นสำคัญ” พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
ฉะนั้น ขอให้ข้าราชการบำนาญเปิดใจและพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวสู่แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ขณะที่สถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทำงานร่วมกัน เสริมสร้างความเข้มแข็ง และช่วยเหลือสมาชิก โดยมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและขับเคลื่อน ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ในระดับจังหวัดมีการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่และภายใต้กรอบกฎหมาย ที่ผ่านมามีการแก้ไขได้อย่างยั่งยืน
“เมื่อได้รับการช่วยเหลือดูแลแบ่งเบาภาระของครู ทำให้ครูมีกำลังใจในการกล่อมเกลาบ่มเพาะเด็กให้มีคุณภาพ เป็นการเพิ่มคุณภาพให้แก่ผู้เรียน ในส่วนข้าราชการที่เกษียณแล้วเมื่อได้รับการช่วยเหลือเป็นการลดภาระหนี้สิน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอเป็นกำลังใจแด่ผู้ปฏิบัติ งานผู้เสียสละ รวมถึงข้าราชการบำนาญทุกคน ให้ก้าวข้ามปัญหาไปได้อย่างมั่นคง พร้อมสร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่ตนเองและครอบครัวต่อไป” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง