“รศ.ยุทธพร” ชี้โอกาส 50:50 ตัดสินคดีคลิปอังเคิล มองถึง “นายกฯอิ๊งค์” รอด แต่ยังมีโจทย์ใหญ่รอเพียบ
ข่าวที่น่าสนใจ
28 ส.ค.68 ที่รัฐสภา รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนา ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่ 29 ส.ค.นี้ ว่า 50:50 สามารถออกไปได้ทุกทาง เพราะเรื่องกฎหมายมีการเขียนไว้กว้าง อย่างคำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หรือคำว่าจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นั้น ก็สามารถวินิจฉัยออกมาได้ทั้งหมด เพราะคงไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่า ซื่อสัตย์สุจริตหมายถึงอะไร ขณะเดียวกันมาตรฐานจริยธรรม ก็เป็นประเด็นที่ถูกจับขึ้นมาเหมือนกัน อยู่ที่ศาลว่าจะรับพิจารณาทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวหรือไม่ และ นายกฯ ก็ต้องผ่านพ้นทั้ง 2 ประเด็น จึงจะสามารถไปต่อได้ หากติดประเด็นใดประเด็นหนึ่งจะไปต่อไม่ได้
ดังนั้น ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของกฎหมายที่เขียนไว้กว้าง ความหมายแตกต่างกัน ขณะเดียวกันก็เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ ในคำวินิจฉัยของศาลว่า จะฟังข้อเท็จจริงอย่างไร ทั้งคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี หรือคำร้องของผู้ร้อง รวมถึงการแถลงปิดคดีของทั้งสองฝ่าย และเรื่องการไต่สวนพยาน 2 ปากสำคัญ คือตัวนายกฯ และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็ต้องอยู่ที่ว่าศาลจะวินิจฉัยไปในทางใด
หากมองในแง่ข้อกฎหมาย การวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี หรือถึงขั้นตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ดีนั้น สิ่งเหล่านี้ต้องมีความเด็ดขาด เพราะเป็นผลที่เกิดขึ้นต่อบุคคล สำหรับข้อ 27 นั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ หรือจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งต้องดูเรื่องเจตนา พฤติการณ์ และความร้ายแรงของความเสียหาย ซึ่งคำชี้แจงของ นายกฯ ก็มีการอธิบายทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ เมื่อคำชี้แจง ประกอบกับการไต่สวนพยาน ศาลจะรับฟังหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจศาล จึงให้โอกาสเป็น 50:50 ออกได้ทั้งสองฝั่ง
“วันพรุ่งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นคุณกับนายกฯ หรือไม่ แง่ที่เป็นคุณ นายกฯ อาจจะได้ไปต่อ คือสามารถบริหารงานต่อ แต่ในแง่ความชอบธรรมทางการเมือง หรือการแก้โจทก์ต่างๆ ก็ยังมีอยู่อีกหลายอย่าง รวมถึงสัญญาณทางคดีก่อนหน้านี้ ทั้งคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดี นายกฯ เอง และคดีชั้น 14” รศ.ยุทธพร กล่าว
นอกจากสัญญาทางคดีแล้ว แม้ นายกฯ จะได้ไปต่อ ก็ยังมีสัญญาณทางการเมือง ที่จะต้องแก้อีก คือจะทำอย่างไรให้เสถียรภาพทางการเมืองกลับมา การที่เสียงปริ่มน้ำ หรือสภาล่ม และชิงปิดประชุมสภาบ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ทำให้ภาพเกิดขึ้น เพราะจะส่งกระทบความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และรัฐบาล ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ต่อไป
ขณะที่มาตรา 5 และมาตรา 144 ที่อาจจะสามารถ Set Zero สส.ได้กว่าครึ่งสภา ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อว่า จะส่งผลต่อการเมืองอย่างไร แม้กระทั่งการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายหลังหากผลเป็นคุณต่อ นายกฯ ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องรอดู เพราะอาจจะปะทุกลับขึ้นมาอีกตอนไหน ส่วนสัญญาณทางเศรษฐกิจ ก็ต้องเร่งฟื้นฟูให้กับประชาชนในระยะสั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่รอ
หรือหากผลวินิจฉัยเป็นไปในเชิงลบ นายกฯ ไปต่อไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว จะไปต่อได้หรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลเช่นเดียวกัน ถึงจะมีการเลือกนายกฯ คนใหม่ได้ นายกฯ คนใหม่ก็ต้องเผชิญ โจทย์การเมือง และเศรษฐกิจ ดังที่กล่าวไปด้วยเช่นเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น