“บิ๊กกุ้ง” ลั่นเกษียณแค่ตำแหน่ง แต่ไม่เกษียณจากความเป็นคนไทย ย้ำหนักแน่นไม่ให้ใครรุกอธิปไตยชาติ
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาพที่ 2 เดินทางร่วมงานพบบุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์พร้อมสนทนาพิเศษหัวข้อ“เรื่องจริงจากชายแดน” โดยภายในงานมีมินิคอนเสิร์ตจากวง “เกษตรศาสตร์วินด์” ที่บรรเลงเพลงและขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด และบทเพลงรักชาติรักแผ่นดิน
จากนั้นทันทีที่พลโทบุญสิน มาถึงได้ขึ้นกล่าวบนเวที เริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทาย ว่า ก่อนที่ผมจะพูดอะไรกับทุกคนในวันนี้ อยากให้พวกเราได้ร้องเพลง เป็นเพลงที่“บางคนร้องเบา บางคนก็ไม่อยากจะร้อง บางคนไม่มีที่ร้องด้วยซ้ำเพราะไม่มีแผ่นดินที่จะให้ร้อง วันนี้พวกเรามีแผ่นดิน จะร้องแบบเขินอายทำไม เราไม่ร้องวันนี้ วันหนึ่งถ้าเราไม่มีที่ร้อง เพลงนี้เราจะไม่ได้ร้องอีกเลย“ จากนั้นพลโทบุญสินได้ให้ทุกคนในห้องประชุมร่วมกันร้องเพลงชาติ กับวงดนตรีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จากนั้นพลโทบุญสิน กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ไปไหน จอดรถที่ไหนก็อิ่มท้อง เพราะชาวบ้านทักจะเอาของกินมาให้ บางครั้งก็เอาฝรั่งมาให้ 4-5 ลูก ซึ่งนี่คือคนไทย วันนี้แม่ทัพมาที่นี่ไม่ได้มาทอล์คโชว์ แต่อยากจะมาเล่าความในใจให้กับทุกคนได้ฟัง ก่อนจะถามในห้องประชุมแห่งนี้ว่า ”ใครเกษียณปีนี้“ ก่อนจะบอกว่า ”ไม่ต้องอาย ตัวเองก็เกษียณปีนี้ อาจจะเกษียณจากความเป็นแม่ทัพ แต่ไม่เกษียณจากความเป็นคนไทย ตัวเองจะอยู่กับคนไทยจนกว่าตัวเองจะสิ้นลม“
แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำต่อว่า ตัวเองจะไม่เล่นการเมือง จะอยู่ตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีผลประโยชน์สำหรับตัวเอง การพูดวันนี้คงจะสื่อไปถึงหลายคนที่พยายาม จะชักชวนให้ไปเล่นการเมือง ตัวเองต้องขอขอบคุณ แต่ตัวเองไม่ค่อยถนัดการเมือง เพราะถนัดแต่การปกป้องแผ่นดิน และประเทศชาติ ก่อนย้ำว่าตัวเองอยากทำเพื่อส่วนรวม แบบไม่มีผลประโยชน์ของตัวเอง
พลโทบุญสิน กล่าวต่อว่า วันนี้จึงอยากมาแลกเปลี่ยนกับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม หากอยากจะถามหรือสงสัยอะไร สามารถถามได้ แต่ก่อนที่จะเปิดให้ถาม อยากให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ดูแถบสีธงชาติที่อยู่ที่แขนซ้ายของตัวเอง ก่อนจะขอให้รักษา 3 สีนี้ให้ดี เพราะบรรพบุรุษ และพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตได้สูญเสียเลือดเนื้อเพื่อรักษาไว้กว่าจะได้มาซึ่งความเป็นชาติ และแผ่นดินที่ให้ลูกหลานอยู่ ต้องต่อสู้มาด้วยความยากลำบาก มาถึงยุคปัจจุบันไม่อยากให้ใครทะเลาะกัน ให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอให้ทุกคนเสียสละเพื่อส่วนรวม
แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่าในเฟซบุ๊ก ตัวเองไม่ค่อยได้เข้าไปอ่าน แต่เห็นมีบางคน เข้ามาด่า และตำหนิแม่ทัพ ตัวเองก็ถามกลับไปว่าเป็นคนไทยหรือไม่ ถ้าเป็นคนไทยตัวเองจะไม่ตอบโต้แต่หากเป็นคนต่างชาติก็ยินดีที่จะตอบโต้ แต่ต้องบอกว่ามันไม่มีประโยชน์
ส่วนเรื่องศาสนา เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ว่าใครนับถือศาสนาอะไร ทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู และพราหมณ์ล้วนแล้วสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ก่อนจะเล่าย้อนสมัยตัวเองเคยไปทำงานที่ภาคใต้ 3 ปี ตัวเองได้น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปใช้ ซึ่งตอนที่อยู่ที่นั่นก็ช่วยกันกับพี่น้องชาวมุสลิมเวลาว่างจากการปฎิบัติ แต่พอถึงเวลาจบภารกิจที่ภาคใต้พี่น้องชาวมุสลิมก็ไม่อยากให้ตัวเองกลับส่วนกลาง ก่อนจะพูดติดตลกว่า “ บางคนมีต่อรองบอกจะหาเมียให้ 4 คน แถมสวนยางพาราอีก 1 แปลง แต่ตัวเองก็ต้องกลับตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยเรื่องราวของตัวเองทาง กอ.รมน. ได้ทำคลิปรวบรวมไว้อยู่ในยูทูป
พลโทบุญสิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพูดถึงเรื่องศาสนา อยากให้อาจารย์ เน้นย้ำเรื่องศาสนาให้กับนักศึกษาทุกคน ครั้งก่อนที่ได้ไปผู้ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พูดไว้ว่า“หากใครไม่มีหลักศาสนา ในจิตใจจะไม่เกรงกลัวบาป จะทำอะไรคิดแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เอาเปรียบคนอื่น
ส่วนสถาบัตพระมหากษัตริย์ ซึ่งท่านทรงเป็นกลาง เป็นหลักชัยให้กับประเทศชาติ พระองค์ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง มีแต่ดูแลเป็นเสาหลักให้กับประเทศชาติ ทรงเป็นองค์กองทัพไทย ทุหคนที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ ต้องเป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากย้อนกลับไปในอดีต ทั้งสมัยสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเสียสละและมีความเด็ดเดี่ยวที่จะไล่ศัตรูออกไปจากแผ่นดินไทย รวมไพร่พลที่มีมีอยู่น้อยนิดนิดเดียวหัวเมืองต่างๆให้รวมเป็นหนึ่งเดียว นี่คือบุญคุณของพระมหากษัตริย์
พอมาในยุคปัจจุบันในหลวงรัชกาลที่เก้าก็ได้ทรงพัฒนาทุกอย่าง ปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงเป็นหลักชัยให้กับประเทศชาติ ดังนั้นทั้งหมด ที่กล่าวมาทั้งสามสถาบันหลักอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาไว้ ส่วนทหารทำหน้าที่รักษาแผ่นดินที่บรรพบุรุษเราเหลือไว้ ย้อนไปในอดีตไม่รู้ว่าแผ่นดินมีเท่าไหร่แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เท่านี้ก็ต้องรักษาไว้
ก่อนย้ำว่าตัวเองในฐานะแม่ทัพภาค 2 รับผิดชอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ”ผมจะต้องดูแลแผ่นดินนี้ในยุคที่ตัวเองเป็นแม่ทัพอยู่ให้ดีที่สุด หากรุกล้ำอธิปไตยในห้วงตัวเองปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ไม่ได้ และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะมีเล่ห์เหลี่ยม เหลี่ยมจัดแค่ไหนก็ไม่ได้“
โดยช่วงวันที่ 24 ถึง 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเองที่เคยพูดตั้งแต่ครั้งแรก ว่า ”พร้อมและมีความจำเป็นต้องมีการปะทะ ต้องปิดประสาทตาเมือนธม ถ้าไม่ปิดชาวบ้าน 2 ประเทศจะมาฆ่ากันที่นี่“ พลโทบุญสิน ย้ำว่า คือ ”สิ่งที่ทำดีที่สุดแล้วในกรอบเวลาที่มีอยู่ สามารถเอาแผ่นดินคืนมาได้เท่าเวลาที่มีอยู่ เท่ากับที่ต้องแลกกับพี่น้องทหารที่เสียสละชีวิต“ ทุกคนรู้หรือไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาบ้าง อย่างน้องทหารที่ขาขาด ดมยาสลบไปแบะฟื้นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาพูดคำเดียวว่า ”พวกเรายึดได้ไหมพี่“ นี่คือสิ่งมันเกิดขึ้นจริง ตัวเองอยากจะเล่าให้ฟังว่าทั้งหมดเจ็บจริง-เสียชีวิตจริง
พลโทบุญสิน กล่าวก่อนจะเปิดให้ถามคำถามว่า“มีคนอยากรู้ว่าห้วงเวลานั้นแม่ทัพอยู่ตรงไหน”ว่า ตัวเองอยู่ในจุดที่ต้องคอยช่วยน้อง ๆ ทุกคนในระยะ 1000 กิโลเมตร ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องบัญชาการด้วยระบบการรบ แบบ C4ISR (ซีโฟร์ไอเอสอาร์) (แนวคิดการรบแบบอัจฉริยะที่เน้นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อควบคุมและประสานงานในสนามรบอย่างมีประสิทธิภาพ) ซึ่งตอนนั้นก็อยู่ในระยะยิงของข้าศึก และต้องเอาแผ่นดินคืนในห้วงเวลาที่จำกัด ซึ่งได้มาเท่านี้ทวงคืนได้ในห้วงเวลาที่จำกัด จึงอยากบอกให้ทุกคนฟังว่า “ลูกหลานที่อยู่แนวหน้าทำดีที่สุดแล้ว มันไม่ได้ง่าย ไม่ได้เดินไปแล้วเอาธงปักได้เลย ทางฝั่งนั้นก็มีปืน มีปืนใหญ่ มีจรวด” วันนี้ตัวเองต้องขอสดุดีวิญญาณของน้องๆทุกคน ที่พลีชีพเพื่อชาติ และที่บาดเจ็บอีกหลายนาว รวมถึงประชาชนที่สูญเสียในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น