นายสังคม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สงขลาเป็นเมืองที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นดินแดนที่สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน ที่ได้ร่วมกันก่อร่างสร้างเมืองให้รุ่งเรืองสืบต่อกันมาโดยเฉพาะป้อมปราการที่ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการดูแลความสงบสุขและการปกป้องชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การจัดงานในครั้งนี้ จึงมุ่งหวังให้ประชาชนได้เรียนรู้รากฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อนำมาต่อยอดในการพัฒนาเมืองเชิงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนเชื่อมโยงสงขลากับเวทีโลก ด้วยทำเลคาบสมุทรที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ยกระดับจังหวัดสงขลาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาค และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังเน้นว่า จังหวัดให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นใหม่ ผ่านหลักฐานและวัตถุพยานที่พิสูจน์ได้จริง ว่าสงขลาเป็นเมืองเก่าแก่กว่า 300 ปี ตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น อีกทั้งยังมีร่องรอยความเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ยาวนานถึง 2,000–3,000 ปี เชื่อมโยงกับศูนย์กลางสำคัญของภาคใต้และดินแดนใกล้เคียง งานครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันให้สงขลาก้าวสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม

สำหรับบรรยากาศภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่โดดเด่น อาทิ การแสดงแสง สี เสียง “มหัศจรรย์มนตราซิงกอรา เมืองแห่งป้อมปราการ”การแสดงพลุ–ดอกไม้ไฟสุดตระการตา นิทรรศการประวัติศาสตร์ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น มโนราห์ รองเง็ง ลิเกฮูลู ตลอดจนการออกร้านจําหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 25 ร้านค้า โดยจังหวัดมุ่งมั่นที่จะใช้โอกาสนี้ เป็นก้าวสําคัญในการสืบสานคุณค่ามรดกวัฒนธรรม และผลักดันให้สงขลาก้าวสู่การขึ้นทะเบียน เมืองมรดกโลกต่อไป