วันนี้ ( 21 สิงหาคม) นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ประกิจ สาระเทพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร, นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ สบส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ โรงพยาบาลแห่หนึ่ง ใน จ.สมุทรสาคร ตรวจสอบหลังจากได้รับแจ้งว่าสถานพยาบาลดังกล่าวได้เปิดให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยไม่ได้มีการตรวจสุขภาพจริง โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการสอบข้อเท็จจริง พบว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งมาจริง
นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องร้องเรียนว่ามีโรงพยาบาลเอกชนตรวจสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าวที่ไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว พ.ศ.2567 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยทราบว่า รพ.แห่งนี้มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว จึงมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า สถานพยาบาลได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 จริง แต่ยังอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตตามประกาศมาตรฐานให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ทางโรงพยาบาลได้ทำการตรวจสุขภาพให้กับคนต่างด้าวไปแล้ว 13,121 ราย ซึ่งการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 35 (4) มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้ รพ.หยุดให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวจนกว่าจะทำใบอนุญาตให้ถูกต้อง และขอให้สถานพยาบาลอื่นที่เข้าข่ายกระทำความผิดหยุดให้บริการในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย
นายชัยชนะ ระบุว่า ในส่วนของใบตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวทั้ง 13,121 ใบที่ตรวจไปจาก รพ.แห่งนี้ ถือว่าไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว โดยในวันนี้ได้สั่งการให้โรงพยาบาลหยุดการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้อง พร้อมให้บริษัทจัดหางานหรือนายจ้างของแรงงานทั้ง 13,121 ราย จะต้องส่งรายชื่อแรงงานมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อที่จะมีการนำไปตรวจสอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ จะประสานไปยังกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เพื่อให้ตรวจสอบว่า มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทำนี้หรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก โดยหลังจากนี้จะเอาจริงเอาจัง และเดินหน้าตรวจสอบอย่างถึงที่สุด เพราะทราบมาว่า การกระทำเหล่านี้ มีอดีตข้าราชการระดับ 10 ของกรมการจัดหางานร่วมอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย ขอเรียกร้องว่าสิ่งไหนที่ผิดกฎหมาย อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขอให้คิดถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นส่วนรวม ถ้าให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพจริง หรือตรวจจากสถานพยาบาลที่ไม่ถูกต้อง อาจนำโรคระบาดมาแพร่ในประเทศไทยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าแรงงานทั้ง 13,121 รายดังกล่าว ได้รับการตรวจสุขภาพจริงหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ได้รับคำยืนยันจากเจ้าของ รพ.ว่า มีการตรวจให้จริง โดยเก็บค่าตรวจรายละ 500 บาท เพียงแต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขออนุญาตเพิ่มเติมในการเป็นสถานพยาบาลที่ตรวจสุขภาพคนต่างด้าว โดยได้สร้างห้องแล็บและห้องเอกซเรย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในระหว่างประเมินมาตรฐานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงจะขึ้นทะเบียนขอเป็นสถานพยาบาลตรวจสุขภาพให้กับคนต่างด้าวกับ สบส. ได้
“ในเรื่องของกระบวนการที่มีอดีตข้าราชการผู้ใหญ่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะมีเรื่องของการที่ รพ.เรียกเก็บค่าตรวจสุขภาพเพียง 500 บาท ก็ต้องไปดูว่าบริษัทที่จัดหางานให้กับแรงงานต่างด้าวมีการเรียกเก็บเกินกว่านี้หรือไม่” นายชัยชนะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกรณีที่สถานพยาบาลแห่งนี้ เป็น 1 ใน 75 สถานพยาบาล ที่ผ่านการรับรองจากกรมการจัดหางาน สามารถตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวเพื่อไปขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยได้แต่กลับไม่สามารถใช้ใบตรวจสุขภาพนั้นได้ เนื่องจากยังไม่ได้ขออนุญาตเป็นสถานพยาบาลตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นความผิดที่เกิดขึ้นอยู่ที่ใคร นายชัยชนะ กล่าวว่า ความผิดนี้จะอยู่ที่สถานพยาบาล เนื่องจากประกาศของกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ชัดเจนว่า สถานพยาบาลจะต้องขออนุญาตในการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวก่อน จึงจะทำการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวได้