“โฆษกทบ.” เผยคณะ IOT เชื่อมั่นไทยอยู่ในกติกาสากล โต้กลับกัมพูชาบิดเบือน โบ้ยไทยวางระเบิดเอง
ข่าวที่น่าสนใจ
20 ส.ค.2568 ที่วัดบ้านพรานหนองคันนาราษฎร์บำรุง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์หลังนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เข้าสังเกตการณ์พื้นที่บ้านโนนมะยาง และช่องจุ๊ปตะโมก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทหารกองร้อยทหารพรานที่ 2610 (กพ.ร้อย.ทพ.2610) เหยียบกับระเบิดว่า การลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มุ่งเน้น 3 ข้อ คือ 1.การหยุดใช้อาวุธ โดยฝ่ายไทยพยายามที่จะแสดงหลักฐานต่างๆ เพื่อให้คณะผู้สังเกตการณ์ฯ เห็นว่ากัมพูชามีการใช้อาวุธ โดยเฉพาะทุ่นระเบิด ซึ่งได้พาคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ไปเห็นในพื้นที่จริง คือจุดเกิดเหตุและอธิบายให้ฟัง ซึ่งทุ่นระเบิดเหล่านี้จะสอดคล้องกับยุทธวิธีทางทหารและการใช้อาวุธ โดยหลังการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทหารไทยได้รับการบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดถึง 2 ครั้ง วันนี้พามาดูจุดที่มีการใช้ทุ่นระเบิดครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นลักษณะการลักลอบวางในพื้นที่ทหารลาดตระเวนเป็นประจำ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นการบังเอิญ โดยประเด็นนี้คณะผู้สังเกตการณ์ฯ ได้รับทราบ และจะทำรายงานของคณะต่อไป
ส่วนข้อที่ 2 คือยังมีการใช้โดรนในรูปแบบต่างๆ บินล้ำแดนเข้ามาในฝั่งไทย โดยเรื่องนี้คณะผู้สังเกตการณ์ฯ มีข้อมูลแล้ว และ 3.เป็นเรื่องที่ละเมิดข้อตกลง คือการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน เช่น เมื่อเห็นคลิปในโซเชียลมีเดีย ก็รีบตอบกลับทันที โดยไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นลักษณะของข่าวปลอม (fake news) จากที่ตนประเมินคาดว่าคณะผู้สังเกตการณ์ฯ น่าจะเข้าใจ และทุกคนไม่มีคำถามและไม่มีข้อสงสัย
นอกจากนี้ยังได้พาคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ไปดูความเสียหายของโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ได้ชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถอพยพประชาชน ตลอดจนผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ในหลุมหลบภัยได้อย่างทันท่วงที ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด
พลตรีวินธัย กล่าวต่อว่า ภาพรวมวันนี้ คณะผู้สังเกตการณ์ฯ เชื่อมั่นว่าฝ่ายไทยอยู่ในกติกาที่เป็นมาตรฐานสากลจริงๆ เพราะเขาเข้าใจต่อสถานการณ์และติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งมารับรู้ต่อสถานการณ์ ณ ที่แห่งนี้
ส่วนกรณีที่มีทหารกัมพูชา มาโวยวายบริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พลตรีวินธัย กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ทั้งไทยและกัมพูชาสามารถเดินลาดตระเวนได้โดยไม่ติดอาวุธ ห้วงเวลาที่กัมพูชานำคณะผู้สังเกตการณ์ฯ มาเราก็พบเห็นและเข้าไปดู และตำหนิไปเล็กน้อยว่าไม่ได้บอกฝ่ายไทยก่อน ซึ่งไม่ได้แสดงอาการและท่าทีในลักษณะที่เสียมารยาท
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาโวยวาย เมื่อมีการสื่อสารออกไป สังคมโลกจะได้เห็นว่ากัมพูชาไม่ได้อยู่ในมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบไทย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางกัมพูชาโทรมาขอโทษ และอ้างว่าทหารนายที่ตกเป็นข่าวนั้นเมา พลตรี วินธัย กล่าวว่า ตนทราบว่าเป็นการภายใน แต่เขาบอกว่าที่มีอาการและพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะว่าเมา ไม่ทราบว่าจะมีบุคคลใดเชื่อหรือไม่
เรื่องนี้จะมีการทำหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชาหรือไม่ พลตรีวินธัย กล่าวว่า การทำหนังสือชี้แจงหรือการประท้วง ทางกองทัพดำเนินการตลอด
ส่วนกระแสข่าวทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไทยเป็นคนสร้างขึ้นมา และสร้างข่าวปลอมเพื่อลดความน่าเชื่อถือของกัมพูชา พลตรีวินธัย กล่าวว่า เราไม่เคยเห็นกัมพูชายอมรับอะไรเลย ตั้งแต่การสื่อสารอย่างเป็นทางการของฝ่ายกัมพูชามายังไทย
ส่วนกรณีที่กองทัพเรือ พบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ถ่ายคลิปวีดีโอการวางทุ่นระเบิดไว้ พลตรีวินธัย กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูล แต่เชื่อว่าภาพที่ออกมามีการซ่อนเร้นนัยยะที่บ่งบอกได้หลายอย่าง เช่นด้านการข่าวคงมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ยืนยันว่าหากเราดูภาพและเสียง มันไม่ใช่การทำขึ้นมา หากลืมตาก็จะเห็นองค์ประกอบอื่นๆ อย่างครบถ้วน ส่วนที่กัมพูชาพยายามบอกว่าไทยวางทุ่นระเบิด เพื่อใช้อาวุธทำร้ายฝ่ายเดียวกันเอง ตนมั่นใจว่าตรรกะเช่นนี้ไม่มีที่ไหนในโลก การทำให้กำลังพลของตนเองได้รับบาดเจ็บ มันไม่สมเหตุสมผล
ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวหาว่าไทยมีการนำเชลยศึกไปทำคลิปวีดีโอนั้น พลตรีวินธัย กล่าวว่า กรณีเชลยศึก เราปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเปิดโอกาสให้กลไกระหว่างประเทศเข้ามาดำเนินการได้ทันที และคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ก็ทราบดีว่าไทยอยู่ในระบบมาตรฐานและกติกาสากล ไทยเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีเรื่องรับลมคมใน หรือปิดบังและไม่ทำให้ประเทศเสียหายในสายตาของสังคมโลก และเวทีต่างประเทศแน่นอน
ส่วนการนำเชลยศึกออกไปข้างนอกและไปดำเนินการใด ๆ ตามที่กัมพูชากล่าวหานั้น ยืนยันว่า เราไม่ทำ และกรณีเชลยศึก ธรรมเนียมของทหารเราถือว่าพวกเขาเป็นบุคลากรที่ได้รับเกียรติ ไม่ว่าจะยศใดก็ตาม เราดูแลเสมือนทหารฝ่ายไทย เพราะบุคคลเหล่านั้นเป็นบุคคลที่เสียสละและทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น