พบศพชาวเกาหลีใต้ ในแหล่งสแกมเมอร์ ของกัมพูชา
ชายชาวเกาหลีใต้ถูกพบเป็นศพในฐานแก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ ที่จังหวัดกำปอดของกัมพูชา สภาพศพบ่งชี้ถูกทรมานก่อนเสียชีวิต
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ แถลงเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมว่า ตำรวจกัมพูชาพบร่างชายสองคนห่อในผ้าห่มและถุงพลาสติก อยู่ในถังขยะขนาดใหญ่ ระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งหลายจุด โดยมีรายงานว่าเป็นแก๊งอาชญากรรมชาวจีน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ต่อมา ได้รับการยืนยันว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต เป็นชาวเกาหลีใต้ นามสกุล พัค จุดที่พบอยู่ในเขตภูเขาโบกอร์ จังหวัดกำปอด ทางใต้ของกัมพูชา เกาหลีใต้ให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลแก่ครอบครัวของผู้ตาย และเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาเปิดสอบสวนอย่างละเอียด แต่ย้ำว่า การยืนรายละเอียดการเสียชีวิตยังเป็นเรื่องยาก
โคเรีย เฮรัลด์ รายงานว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายพัค น่าจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ สถานที่ตั้งฐาน มักมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เชื่อว่า นายพัค ถูกแก๊งมิจฉาชีพกักขังไว้ก่อนถูกฆาตกรรม สภาพศพเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ ปูดบวม และรอยเลือด เป็นสัญญาณชัดเจนว่าผู้ตายถูกทำร้ายอย่างรุนแรง สภาพศพสอดคล้องกับคำบอกเล่าของอดีตเหยื่อที่หลบหนีจากแก๊งสแกมเมอร์มาได้ เช่น ชายเกาหลีใต้วัย 28 ปีคนหนึ่ง บอกสื่อเกาหลีใต้ว่า สมาชิกแก๊งชาวจีนจะฆ่าคนได้ง่ายๆ หากมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การทุบตี หรือช็อตไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ เขาเคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ เขาถูกขังในโกดัง 1 สัปดาห์และถูกทรมานด้วยกระดานน้ำ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเมินว่า ทั่วกัมพูชา มีแหล่งอาชญากรรมในลักษณะนี้กว่า 50 แห่ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนและสื่อท้องถิ่น รายงานว่า หน่วยบังคับใช้กฎหมายเข้าถึงสถานที่เหล่านี้ได้น้อยมาก สื่อท้องถิ่นรายงานด้วยว่า อาจมีชาวเกาหลีใต้จำนวนหนึ่ง ติดอยู่ในศูนย์สแกมเมอร์ หลังจากหลงเชื่อโฆษณารับสมัครงานให้ค่าตอบแทนจูงใจในต่างประเทศ สุดท้ายกลายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และถูกบังคับใช้แรงงานทันทีที่ไปถึง
ข้อมูลที่ คิม เคียน ส.ส.เกาหลีใต้ได้รับจากกระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า จำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ถูกลักพาตัวหรือกักขังในกัมพูชา เพิ่มจาก 21 คนในปี 2566 พุ่งพรวดเป็น 221 คนในปี 2567 เฉพาะครึ่งปีแรกของปีนี้ ประเมินว่า มีชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อ 212 คน บ่งว่ายอดเหยื่อตลอดทั้งปีอาจเพิ่มจากปีก่อนเท่าตัว แม้เป็นปัญหาที่เข้าขั้นวิกฤติ แต่เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า แก๊งมิจฉาชีพในกัมพูชามักอยู่เกินขอบเขตการควบคุมของรัฐ และเกาหลีใต้ไม่มีอำนาจเข้าไปสอบสวนในพื้นที่ ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำกรุงพนมเปญ มีตำรวจประจำอยู่เพียงคนเดียว ทางการแนะนำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ติดต่อตำรวจกัมพูชาโดยตรง เพราะสถานทูตไม่สามารถสอบสวนด้วยตัวเองหรือปฏิบัติการช่วยเหลือได้
#บก.ข่าวทีวี
