“สุรพงษ์” นำทีมรับฟังผลการศึกษา “สร.รฟท.” ร่วม “วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” ม.รังสิต สู่ข้อเสนอปฏิรูปรถไฟไทยให้พัฒนายั่งยืน

“สุรพงษ์” นำทีมรับฟังผลการศึกษา “สร.รฟท.” ร่วม “วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” ม.รังสิต สู่ข้อเสนอปฏิรูปรถไฟไทยให้พัฒนายั่งยืน

“สุรพงษ์” นำทีมรับฟังผลการศึกษา “สร.รฟท.” ร่วม “วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” ม.รังสิต สู่ข้อเสนอปฏิรูปรถไฟไทยให้พัฒนายั่งยืน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท. ) ร่วมกับ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานสัมมนาเรื่อง “โครงการรายงานผลการศึกษาเพื่อการพัฒนาการรถไฟอย่างยั่งยืน” โดยได้รับเกียรติจากนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ “การศึกษาการพัฒนาการรถไฟอย่างยั่งยืน” ร่วมกับ นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นายสราวุธ สราญวงศ์ ประธานสร.ร.ฟ.ท. และนายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษาสร.ร.ฟ.ท. โดยมีผู้ร่วมงาน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประธานที่ปรึกษา สร.ร.ฟ.ท. นายฉัตรชัย ภู่โคกหวายประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทท็อปนิวส์ มัลติมีเดีย จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 200 คน ณ โรงแรมมิราเคิล หลักสี่ กรุงทพมหานคร

 

นายสาวิทย์ ระบุว่า การศึกษาดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสหภาพฯร.ฟ.ท. และวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจปัญหา วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของร.ฟ.ท. โดยมีการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนวทางเชิงนโยบายฯที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทที่แท้จริง เนื่องจากที่ผ่านมาร.ฟ.ท. ต้องเผชิญกับปัญหาหลายมิติ ประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ทำให้มีหนี้สินสะสม 3 แสนล้านบาท ทำให้ร.ฟ.ท.ขาดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ และต้องแบกรับภาระหนี้สินดอกเบี้ยเงินกู้ การกำหนดอัตราค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุน รัฐสนับสนุนบริการเชิงสังคม (PSO) ล่าช้าและไม่เต็มจำนวนจริง ฯลฯ

อีกทั้ง ปัจจุบันร.ฟ.ท. ยังประสบหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานล้าสมัย เส้นทางและสถานี ไม่ได้รับการปรับปรุงมานาน ขบวนรถมีอายุใช้งานนานจนไม่ปลอดภัย การเดินรถล่าช้า และเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก การบริหารรวมศูนย์ ไม่ยืดหยุ่น จำนวนบุคลากรไม่สอดคล้องกับงาน รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นต่อร.ฟ.ท. จากปัญหาการขาดทุนต่อเนื่อง และมีการละเลยในการค้นหาความจริงเพื่อแก้ปัญหา ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณขาดความไม่มั่นใจในการทุ่มงบประมาณให้ร.ฟ.ท. ทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังในเรื่องเครื่องมือการดำเนินงานของร.ฟ.ท. อาทิ หัวรถจักร ตู้สินค้า จึงได้มีการหารือกันกับนักวิชาการ องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อทำการศึกษามุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนส่วน โดยเปิดพื้นที่ให้พนักงาน 10 แห่งทั่วประเทศได้สะท้อนปัญหาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากการปฏิบัติงานจริงและร่วมเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อให้ร.ฟ.ท. ทำหน้าที่เป็นองค์กรของรัฐในการทำหน้าที่ให้บริการประชาชนอย่างยั่งยืนและตลอดไป

 

ขณะที่ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้มีการเสนอผลการศึกษาการจัดเก็บข้อมูลการระดมความเห็นจากสาขาของการรถไฟ เพื่อการพัฒนาการรถไฟอย่างยั่งยืนว่า งานวิจัยครั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่พร้อมเปิดเวที เพื่อระดมความเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ถึง 10 เวที เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับร.ฟ.ท. โดยภาพรวมจากทั้ง 10 เวที ได้สะท้อนปัญหาถึงเรื่องจำนวนคนที่มีไม่เพียงพอ เครื่องจักรเก่า การแทรกแซงจากนโยบายที่ไม่ตรงไปตรงมาของฝ่ายการเมือง ภาระหนี้ที่มีกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึงขาดการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาล

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันข้อมูลภาคสนาม และข้อเสนอของพนักงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท. ) อย่างยั่งยืนควรตั้งอยู่บนหลักการ “พัฒนาเพื่อสาธารณะ” โดยไม่เน้นผลกำไรสูงสุด แต่ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การเดินทางที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเชื่อมโยงกับการพัฒนาท้องถิ่นและเศรษฐกิจของประเทศ ข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 ด้าน ได้แก่

1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี

1.1 จัดทำ “แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 10 ปี” โดยเริ่มต้นจากการซ่อมแชมและปรับปรุงเส้นทางเดิมที่มีศักยภาพ เช่น สายอีสาน-เหนือตอนล่าง 1.2 ควรนำระบบสัญญาณอัจฉริยะและซอฟต์แวร์ตรวจจสอบสภาพรถ (predictive maintenance) มาใช้ในเส้นทางหลัก 1.3 พัฒนาระบบจองตั๋วออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกขบวน และจัดตั้ง “ระบบติดตามขบวนรถแบบเรียลไทม์” บนมือถือ

2. ด้านการพัฒนาบุคลากรและแรงงาน

2.1 จัดตั้ง “สถาบันฝึกอบรมการถไฟยุคใหม่” ที่เน้นทักษะดิจิทัล การบริการ และความปลอดภัย

2.2 ปรับระบบสวัสดิการให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและภาระงาน เช่น สวัสดิการสุขภาพพิเศษ
สำหรับพนักงานขับรถ-ตรวจราง และงานบำรุงทาง

2.3 สร้างระบบประเมินผลงานที่เป็นธรรรม และเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจการศึกษาดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสหภาพฯร.ฟ.ท. และวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจปัญหา วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของร.ฟ.ท. โดยมีการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนวทางเชิงนโยบายฯที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทที่แท้จริง เนื่องจากร.ฟ.ท.ต้องเผชิญกับปัญหาหลายมิติ ทำให้มีหนี้สินสะสม 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การศึกษามุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนส่วน เปิดพื้นที่ให้พนักงาน 10 แห่งทั่วประเทศได้สะท้อนปัญหาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากการปฏิบัติงานจริงและร่วมเสนอแนวทางแก้ไข

3. ด้านธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วม

3 1 จัดตั้ง “คณะกรรมการกำกับธรรมาภิบาลองค์กร” ที่มีตัวแทนจากพนักงาน ภาคประชาชน
และผู้เชี่ยวชาญอิสระ

3.2 พัฒนา “แพลตฟอร์มเสนอความคิดเห็น” จากพนักงานและประชาชนที่เข้าถึงได้จริง และมี
ระบบติดตามผล

4. ด้านแผนยุทธศาสตร์องค์กร

4.1 เสนอแผนปฏิบัติระยะสั้น (1-3 ปี) เน้นการแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ความล่าช้า การซ่อมบำรุง
และการสื่อสาร

4.2 แผนระยะยาว (5-10 ปี) เน้นการพัฒนาองค์กรสู่การเป็น “แพลตฟอร์มระบบรางแห่งชาติ”
ที่ทันสมัย เชื่อมโยงขนส่งทุกรูปแบบ

5. ด้านความร่วมมือกับภาคเอกชนโดยไม่แปรรูป

 

5.1 ส่งเสริมโครงการเฉพาะด้านที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างหลัก เช่น การร่วมพัฒนาสถานีเชิง
พาณิชย์ การบริการอาหาร-เครื่องดื่ม หรือการให้เอกชนทำโฆษณาบนวนรถ

นายสุรพงษ์ กล่าวในเวทีเสวนาว่า รัฐบาลมีนโยบายและได้ดำเนินการพัฒนาและลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และให้ความมั่นใจว่าจะเดินหน้าแก้ปัญหาของร.ฟ.ท. ทั้งการผลักดันด้านบุคลากร ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเทคโนโลยี โดยจะมีการเพิ่มกำลังคนและนำเอาเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และการเดินรถเต็มรูปแบบที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ลงได้

โดยปัจจุบันอยู่ที่ 14.1%ของจีดีพี พบว่าสูงกว่าค่ามาตรฐานที่ควรอยู่ที่ 10% รวมถึงการจัดหารถจักรล้อเลื่อน ที่เหมาะสมและไม่กระทบหนี้สาธารณะเพื่อพัฒนารถไฟไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งร.ฟ.ท.ต้องเตรียมพร้อมรองรับโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ได้แก่

1. ด้านบุคลากรร.ฟ.ท. ต้องเสริมทักษะ และความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่

2. ด้านเทคโนโลยีร.ฟ.ท. ต้องจัดหาให้มีความทันสมัย ทัดเทียมกับประเทศที่เป็นผู้นำด้านรถไฟ

3. ด้านการจัดการองค์กรร.ฟ.ท. ต้องปรับให้เป็นองค์กร SMART โดยศึกษาความสำเร็จของประเทศที่มีความสำเร็จด้านระบบรางมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับประเทศไทย

 

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาในวันนี้ ว่า ปัจจุบันร.ฟ.ท. ขาดแคลนบุคลากร ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยตนได้ให้นโยบายในเรื่องนี้ว่า ให้นำมิติของคนและมิติเทคโนโลยี มารวมไว้ด้วยกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้ตนจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมครม. เพื่อขออนุมัติบุคลากรตามจำนวนที่ร.ฟ.ท. ขอเพิ่ม คาดว่าภายในเดือนนี้จะได้รับคำตอบ

ทั้งนี้ ในการสัมมนาพนักงานร.ฟ.ท. ได้สอบถามและแสดงความเห็น หลากหลาย เช่น ปัญหาการขาดแคลนพนักงาน เนื่องจากมติครม.ให้รับพนักงานได้ 5% จากสัดส่วนการเกษียณอายุแต่ละปี ทำให้พนักงานโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถตรากตรำ กระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพ หัวรถจักรและรถโดยสารเก่าและไม่เพียงพอต่อความต้องการ และปัญหาที่ดินเขากระโดง และหนี้ตลาดนัดสวนจตุจักร ที่กทม.ค้างชำระ รวมถึงเรื่องของการแปรรูปร.ฟ.ท. ซึ่งทางหน่วยงานภาครัฐ ยืนยันว่า จะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างของการรถไฟเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่การแปรรูปตามที่หลายฝ่ายกังวล เป็นต้น

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ทหารจับแก๊งบัญชีม้าคนไทย 3 ราย ขณะลักลอบ ไปและกลับ จากกัมพูชา
ปฏิบัติการเชิงรุก! เจ้าหน้าที่เขาสอยดาวทำงานไม่หยุด เพื่อสมดุลธรรมชาติผลักดันช้างป่ากับคืนถิ่น
เปิดใจเด็กหญิงในภาพ ที่ถวายมาลัยกร “พระพันปีหลวง” เมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา
หนุ่มขี่ จยย.ชนท้ายรถยนต์กระบะที่จอดติดไฟแดง บาดเจ็บ
"เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด" ขีดเส้น 30 ขอ "หลวงพ่ออลงกต" เร่งชี้แจงปม "ที่ดิน" รีบจัดการโอนกรรมสิทธิ์คืนให้วัด
ปราบสายแว้นท่อดัง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​