มติสภาฯ 253 ต่อ 67 เสียง ลงชื่อถอนร่างกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ

มติสภาฯ 253 ต่อ 67 เสียง ลงชื่อถอนร่างกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ

มติสภาฯ 253 ต่อ 67 เสียง ลงชื่อถอนร่างกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

9 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เป็นการพิจารณาตามระเบียบวาระ คือร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้เสนอ

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ แจ้งว่า ครม.ได้มีหนังสือมายังสภาฯ ขอถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม ซึ่งตามข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่าการถอนร่างพ.ร.บ.ที่ประธานสั่งบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว จะกระทำได้เมื่อได้รับการยินยอมจากที่ประชุม ดังนั้นตนขอถามสมาชิกว่าเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่

 

ทำให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า ตนอยากทราบเหตุผลที่แท้จริงที่ครม. ขอถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯ ตนทราบดีว่าวันนี้อย่างไรรัฐบาลก็ถือเสียงข้างมากดังนั้นไม่ว่าพวกตนจะลงมติอย่างไร ครม.ก็สามารถที่จะถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภาฯได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการถอนร่างในวันนี้เป็นการถอนร่างที่รัฐบาลได้เล็งเห็นแล้วว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา อาจจะถอนออกไปเพื่อที่จะกลับไปศึกษาอย่างรอบคอบตามข้อทักท้วงของภาคประชาสังคมรวมถึงภาคส่วนอื่นๆก่อน ไม่ได้เป็นการถอนร่างเพียงเพราะรัฐบาลกลัวว่าเสียงในสภาฯไม่พอและจะถูกโหวตคว่ำ

“ดังนั้นผมอยากจะขอฟังเหตุผลจากตัวแทนของครม. ว่าถอนร่างนี้ด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้พวกเราพรรคฝ่ายค้านมีความสบายใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ต้องการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะเล็งเห็นผลนั้นจริงๆ จึงอยากให้ตัวแทนครม.ลุกขึ้นมารับปากกับพวกเราเป็นบันทึกในที่ประชุมสภาฯ ว่าครม.ถอนร่างนี้ออกไปแล้วจะไม่เสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก อย่างน้อยๆ จนกว่าจะมีการศึกษากฎหมายฉบับนี้อย่างดีเพียงพอ หากไม่สามารถรับปากได้ พวกเราก็ต้องให้รัฐบาลพิสูจน์ว่าการถอนร่างฉบับนี้ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวเสียงไม่พอ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าในการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยเสียงของรัฐบาลเอง ที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปร่วมสังฆกรรมในแทคติกของสภาที่พวกท่านใช้ในวันนี้ได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

 

 

 

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตัวแทน ครม.ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่นำเสนอโดยกระทรวงการคลัง หลังจากได้รับมอบหมายให้ยกร่างโดยครม. จึงเป็นกระทรวงการคลังที่ทำหนังสือเข้ามาที่ครม. เพื่อขอถอนร่างฉบับดังกล่าว ซึ่งเหตุและผลในการที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกนั้น ประเด็นแรกด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีการปรับองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ มีรัฐมนตรีใหม่ที่เข้าร่วมกับครม.กว่า 14 ท่าน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก จึงเป็นเหตุและผลที่มีความเหมาะสม ที่จะให้ทางคณะรัฐมนตรีที่เป็นชุดใหม่ประกอบอนุกรรมการเข้าด้วยกันในการทบทวน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีความเข้าใจในร่วมตัวกับกฎหมาย รัฐบาลมีความประสงค์ดีในการขับเคลื่อนการทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญการสถานที่ท่องเที่ยว สร้างโดยมนุษย์ เป็นเจตนาของรัฐ และยังมีความเชื่อมั่นว่ากลไกในการขับเคลื่อนเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่เนื่องด้วยความเข้าใจในสังคม ยังมีความหลากหลาย จึงมีความจำเป็นให้สังคมได้ใช้เวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ กลไกการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสามารถดำเนินการได้ในหลายขั้นตอน รวมถึงขั้นตอนของสภา ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของสมาชิกอยู่แล้ว หากกฎหมายใดก็ตามเข้ามาสู่การพิจารณาแล้วจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อให้เกิดความรัดกุม เหมาะสมมากขึ้น เพราะฉะนั้นจุดนี้ไม่ใช่สาเหตุที่สำคัญที่รัฐบาลบอกว่ากฎหมายมีปัญหาหรือไม่ เพราะโดยหลักการและเหตุผล เราความเชื่อมั่นว่าเป็นเหตุผลและหลักการที่เป็นประโยชน์กับสังคม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความหลากหลายทางความคิดอยู่ในสังคม และในขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยมีปัญหารุมเร้าหลายประการ ทั้งปัญหาชายแดน เศรษฐกิจในระดับโลก ปัญหาเหล่านี้ทางรัฐบาลรับทราบ และมองว่าการลดปัจจัยในเรื่องความขัดแย้งในสังคมลงน่าจะช่วยผ่อนเบาสถานการณ์ได้ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่เราตัดสินใจว่าการถอนร่างกฎหมายในวันนี้น่าจะเป็นประโยชน์กว่า

“ส่วนจะมีการนำร่างฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น ตนยอมรับว่าตอบไม่ได้ แต่ก็รู้กันดีว่ากฎหมายในลักษณะนี้ ใช้การดำเนินการค่อนข้างนาน และหากในสภายังมีความเห็นที่แตกต่าง ยิ่งใช้เวลานานเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาที่จำกัดเราต้องไปดูว่ามีโอกาสที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ผมตอบได้เพียงเท่านี้ จะตอบนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ ที่ครม.ให้มา คงดำเนินการไม่ได้”นายจุลพันธ์ กล่าว

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นย้ำขอเสนอญัตติ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับครม.จะถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกไป ว่า เมื่อฟังนายจุลพันธ์ ตอบคำถามของนายณัฐพงษ์ ที่พยายามถามหาถึงเหตุผล และพยายามให้รัฐมนตรียืนยันกับสภาแห่งนี้ หมายความว่า คือการยืนยันกับประชาชน ว่าท่านจะไม่นำร่างนี้กลับเข้ามาแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งท่านก็ตอบว่า ท่านตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตนจึงจำเป็นที่จะต้องสอบถามรัฐมนตรี เนื่องจากเมื่อฟังคำตอบของรัฐมนตรีแล้ว ไม่แน่ใจในท่าทีของ ครม. ต่อแนวทางเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย วันหนึ่งท่านบอกท่านจะเอา จะเป็นจะตายต้องเอาให้ได้ ต้องผลักดันเข้าสู่วาระการประชุมโดยเร่งด่วน ข้ามทุกระเบียบวาระ

“พรรคภูมิใจไทยในขณะนั้นได้แสดงความไม่เห็นด้วย และคัดค้านกับร่างฉบับนี้ แล้วท่านบอกพวกผมภูมิใจขวาง ประชาชนลงถนนเป็นม็อบ นั่นแสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาล แล้วรัฐบาลก็บอกว่าพวกนี้หน้าเดิม พวกนี้คือพวกที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันที่ท่านไม่เอาคือวันนี้” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวต่อว่า ตนย้อนฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายจุลพันธ์ ที่บอกว่าจะถอนเรื่องนี้ออก เพราะยังมีปัญหาเรื่องอื่น ที่ประชาชนให้ความสนใจมากกว่า คือการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย -กัมพูชา ตนฟังแล้วต้องมาฟังซ้ำใหม่ว่ากาสิโนเกี่ยวอะไรกับการปัญหากัมพูชา ทำไมเอาปัญหากาสิโนไปเกี่ยวพันกับกัมพูชา หรือเป็นเพราะคลิป เป็นดีลลับ ระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กับอังเคิล ที่ไปบอกว่าจะเอาอะไรขอให้บอก ตนต้องถามว่าคืออะไร อยู่ในดีลด้วยหรือไม่

นายภราดร กล่าวต่อว่า ส่วนการปรับเปลี่ยนสัดส่วน ครม. และพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ทั้งรมว.คลัง และรมช.คลัง ที่เป็นต้นเรื่องเสนอเรื่องนี้เข้าสู่สภา ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย เปลี่ยนอยู่อย่างเดียวคือ 8 คน ในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย ออกจาก ครม. เปลี่ยนอย่างเดียวคือ ไม่มี 69 เสียงของพรรคภูมิใจไทยอยู่ในฟากฝั่งรัฐบาลแล้ว นี่คือการเปลี่ยนแปลงตามที่ท่านพูด จะเห็นว่าเหตุผลต่างๆ ไม่มีประชาชนเข้ามาอยู่ในสมการของการถอยของท่านเลย นี่คือเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ ท่านถอนทำไม ในเมื่อท่านยืนยันเมื่อสักครู่ว่า เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะผลิตรายได้ให้กับประเทศเป็นแสนล้านบาท แล้วท่านถอนทำไม

“ผมจึงไม่แน่ใจในท่าที เพราะท่านบอกว่าชะลอเพื่อเอากลับไปแล้วจะเสนอใหม่ในเวลาที่เหมาะสม ผมขอถามว่า เวลาที่เหมาะสมของท่านคืออะไร ความเหมาะสมของท่านคืออะไร หรือเหมาะสมหมายถึงเสียงในสภาที่เมื่อท่านไปดีลกับหงูเห่าเรียบร้อย ท่านถึงจะเอากลับมาเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงในสภาแห่งนี้ จะเพียงพอที่จะผ่านร่างให้ท่านหรืออย่างไร ท่านต้องตอบ” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวด้วยว่า อย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของพวกตน ว่าพวกตนไม่เห็นด้วยกับการกาสิโน แล้วพวกตนจะให้มีการพิจารณาในวันนี้ทำไม ทำไมพวกตนจึงไม่ยอมให้รัฐบาลถอนออกไป ตนขอยืนยันตามจุดยืนเดิมของพวกตนว่า พวกตนไม่เห็นด้วยกับกาสิโน และไม่มีวันเห็นด้วย ตนขอแสดงจุดยืนให้เห็นว่า การถอนออกไปไม่เท่ากับการยกเลิก ตนอยากเห็นการยกเลิก ไม่อยากเห็นนโยบายนี้ เข้ามาอยู่ในสภานี้อีกต่อไป ตนจึงจำเป็นต้องเดินหน้าพิจารณาเพื่อนลงมติ ไม่เห็นด้วย เพื่อถอนรากถอนโคน กฎหมายฉบับนี้ นี่คือเหตุที่ไม่อยากให้เลื่อนเพื่ออะไร มากไปกว่านั้น นโยบายกาสิโนยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างมาก เชื่อว่าครม.ก็ทราบดี นายกฯก็ทราบดี วันที่ไปเยือนจีน นาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เคยได้รับคำเตือนจากประธานาธิบดีจีนด้วย ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ซึ่งเป็นข่าวโดยนายอนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เล่าให้ฟัง เชื่อว่าเรื่องนี้ประธานสภาฯสามารถที่จะยืนยันได้ถึงแนวคิดของประเทศจีน เพราะประธานฯเพิ่งไปเยือนประเทศจีนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าเขาจะไม่ให้คนจีนมาลงทุนกาสิโน ในต่างประเทศ ไม่ให้คนจีนมาบริหาร และไม่สนับสนุนคนจีนไปเล่นการพนันในต่างประเทศ

“พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องการเห็นนโยบายนี้เดินหน้าอีกต่อไป ผมจะเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีในการถอนร่างนี้ก็ได้ ถ้าท่านรัฐมนตรีสามารถยืนยันจะต่อสภาแห่งนี้ และยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ในสภาชุดที่ 26 นี้ ท่านจะไม่มีการพิจารณาเรื่องกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในสภาชุดนี้อีก ผมไม่ติดใจ ผมยินยอมให้ท่านถอนโดยดี แต่ถ้าผิดไปจากนี้ ผมจำเป็นจะต้องขอมติจากสภาแห่งนี้ และหลังจากนี้ ลงสู่สนามเลือกตั้ง ท่านจะไปหาเสียงเชิญครับ ว่าท่านต้องการกาสิโน เลือกพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการกาสิโนเลือกพรรคนู้นพรรคนี้ แล้วท่านกลับมาได้ กลับมาชนะ ท่านมาเสนออีกครั้ง ผมก็ไม่ว่าอะไร” นายภราดร กล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่มีดีลลับในการพูดคุย สำหรับการทำเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ โดยเฉพาะที่นายกฯพูดคุยทางโทรศัพท์กับทางสมเด็จฯ ฮุน เซน และถูกอัดเทป เราเห็นได้ชัด หากฟังด้วยใจเป็นกลาง ก็จะรู้ว่าไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับประเทศ แม้แต่ประเด็นเดียว การไปแอบกินข้าวคุยกัน ตนเองไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ในกรณีนี้ไม่มี

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเองได้ตอบไป หากฟังจะรู้ว่าสมการนี้มีประชาชนอยู่ตลอด เพราะบอกชัดเจนว่าสถานการณ์ที่ประชาชนยังมีความขัดแย้ง ยังมีความไม่เข้าใจในตัวกฎหมาย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่พวกเราตัดสินใจว่าจะถอนกฏหมายนี้ออกไป ครม.ในส่วนกระทรวงการคลังยังครบถ้วนเหมือนเดิมทั้ง 3 คน แต่ครม.ใหม่ก็มีจำนวนมากจริง ๆ และคนเหล่านั้นควรมีสิทธิ์ในการทบทวนกฎหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ กฎหมายบางฉบับที่มีค้างอยู่ในขั้นตอนของครม.หรือสภาฯหากมีการเปลี่ยนตัว โดยเฉพาะเปลี่ยนรัฐมนตรีประจำกระทรวง หลายครั้งก็เห็นว่ามีการถอนกลับไปเพื่อทบทวนอีกครั้ง เช่นเดียวกับกฎหมายนี้ ที่มีความจำเป็นจะต้องนำกลับไปพิจารณาให้มีความรอบคอบ

“ส่วนจะกลับเมื่อไหร่ จะมาให้ผมตอบ ผมตอบไม่ได้ ท่านก็รู้ ท่านเป็นรองประธานสภามาก่อน ท่านต้องมีความรู้เพียงพอว่าจะมาให้ตอบในเรื่องที่มันตอบไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของครม. ท่านอาจจะอ้างว่าเสนอญัตติไม่ให้ถอนเพื่อพิจารณาให้ตกเลย ท่านสามารถทำได้ แต่เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน กฎหมายตก มันก็ตกอยู่ในสมัยประชุมนี้ สมัยประชุมหน้าก็ยื่นได้อีก ไม่ได้หมายความว่าหากมีการพิจารณาจบสิ้นไปแล้วจะไม่สามารถนำเสนอได้อีกตลอดชีวิต ตลอดชาติ มันไม่มี ก็รู้เท่ากัน ฉะนั้นเหตุผลอย่างนั้นไม่ควรยกมาอ้าง” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หากจะตัดสินใจทางการเมืองเพื่อที่จะให้เกิดการลงมติที่ขัดแย้งกันนั่นถือเป็นสิทธิ์ของสมาชิกทุกท่าน ลงมติกันได้เลย เป็นสิทธิทุกคน สามารถทำได้ ในส่วนที่มีการกล่าวอ้าง โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ นายอนุทิน มีการโพสต์เฟสบุ๊คในเรื่องของการพูดคุยกับผู้นำระหว่างประเทศ ตนไม่ได้อยู่ในที่นั้น แต่โดยมารยาทปกติการพูดคุยกับผู้นำระดับประเทศ เขาไม่นำออกมาจากที่ลับมาพูดในที่แจ้ง ตนก็ไม่รู้ว่าการพูดคุยนั้นเป็นอย่างไร แต่เราคงไม่บริหารประเทศ โดยอาศัยพิจารณาจากประเทศใด ๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทยเป็นหลัก พวกตนบริหารประเทศเอาประชาชนคนไทย เอาสภาไทยเป็นหลัก พวกท่านเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ก็ลงมติกันตามนั้น แต่ไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยภายนอก อย่างที่ท่านพยายามนำเสนอ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เสนอเข้ามาหลายเดือนแล้ววันที่เข้ามาไม่องค์ประกอบ ครม.จะมีความแตกต่าง และมีบางพรรคการเมืองถอนตัว บางพรรคการเมืองยังคงอยู่ด้านในของ ครม. และรัฐบาลเหมือนเดิม แต่ที่นำเสนอเข้ามาเสนอเข้ามาพรรคท่านก็เสนอมาด้วย ผู้บริหารของท่านก็อยู่ในครม. แม้จะบอกว่าไม่มีการเห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนว่าเห็นดีเห็นงามทุกครั้งไป วันนี้มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล ท่านตัดสินใจเปลี่ยนความคิด ตนยอมรับ

“ระยะเวลาเปลี่ยน กาลเวลาเปลี่ยน มันก็จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมวันนั้นถึงบอกว่าสนับสนุน เพียงเพื่อจะอยู่ในรัฐบาล ในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย แล้วมายกมือให้อย่างนั้นหรือ ผมไม่เชื่อ ถ้าไม่เห็นด้วย วันนั้นก็ถอนตัวจากรัฐบาลไปแล้ว แต่วันนี้มาปรับเปลี่ยนแนวความคิด ก็ยอมรักันได้ เวลาเปลี่น คนเปลี่ยน ก็ยิ่งเป็นสาเหตุที่วันนี้พวกผมเอาเข้ามาในสภา เพื่อบอกว่ากฎหมายฉบับนี้ลองถอยมาสักก้าว และมาพิจารณาอีกครั้ง หากถามว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ท่านก็รู้เท่ากับผมว่ามันตอบไม่ได้ ผมไม่ใช่ ครม. ผมเป็นรัฐมนตรีหนึ่งคนในองค์คณะ

นายณัฐพงษ์ อภิปรายอีกว่า จากเหตุผลที่นายจุลพันธ์ ชี้แจง พวกตนยังไม่สามารถที่จะยอมรับเหตุผลของท่านได้จริงๆ ตนทราบว่านายจุลพันธ์ อาจจะไม่สามารถชี้แจงแทนครม.ได้ แต่ตนทราบว่าวันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม มาที่สภาฯ ดังนั้นแม้น.ส.แพทองธาร จะถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่สามารถเข้าร่วมประชุมสภาฯได้ ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม ตนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลมีความจริงใจให้นายกฯมาตอบชี้แจง เป็นตัวแทนครม.ตนเชื่อว่าท่านตอบได้ ดังนั้นจากเหตุผลที่นายจุลพันธ์ได้ให้ไว้พวกตนยังไม่สามารถยอมรับได้ ก็อยากให้เดินหน้าลงมติเพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสอภิปรายเหตุผลเพิ่มเติม จึงขอเสนอญัตติคัดค้านการใช้ข้อบังคับข้อที่ 88

 

 

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า ข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่า ระเบียบวาระที่ประธานบรรจุไว้แล้วถ้าจะมีการถอนหรือแก้ไขต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมเมื่อมีการเสนอและที่ประชุมยังมีผู้ไม่เห็นด้วยอยู่ ก็ต้องขอมติจากที่ประชุมว่าจะเห็นด้วยกับครม.ที่ให้ถอนหรือไม่เห็นด้วยให้ถอน

 

ก่อนที่จะลงมตินายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย กรณีที่นายจุลพันธ์พาดพิงถึงการกินข้าว ซึ่งหมายถึงตน เพราะรู้กันดีเป็นข่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าการเป็นนัดกินข้าวมีใครบ้าง ท่านไม่ต้องหัวเราะจนกล้าที่จะยืนยันว่าการกินข้าวมีอยู่จริงแต่การกินข้าวไม่ได้เป็นลักษณะของการไปดีลเพื่อร่วมรัฐบาลอะไร ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นความจริง ตนไม่ได้มีพฤติกรรม ตระบัดสัตย์อะไรทั้งสิ้น สิ่งหนึ่งที่ตนต้องยืนยันและพูดเรื่องนี้ด้วยความแปลกใจ

“ผมเองก็เพิ่งทราบว่าการกินข้าวของผม มันจะเขย่ารัฐบาล สะเทือนได้ขนาดนี้มันแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของรัฐบาลขนาดนี้ได้อย่างไรผมไม่เคยนึกเลยว่าการกินข้าวของผม จนรมช.คลังต้องหยิบเอาประเด็นนี้มาดิสเครดิตกัน และสิ่งที่เรากำลังพูดกันอยู่ ไม่ควรแวะมาที่ผม แต่เราต้องการจะรู้ว่าตกลงแล้วท่านจะเอากฎหมายฉบับนี้กลับเข้ามาหรือไม่ ท่านควรจะตอบให้มันเคลียร์ ให้ชัด เพราะเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ ไม่ใช่กลายเป็นว่าวันนี้เสียงท่านไม่พอมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุมแล้วบอกว่าขอกลับไปตั้งหลักก่อนเพื่อให้มีความเข้มแข็งก่อนแล้ววันข้างหน้าจะเสนอกลับมาใหม่ถ้าทำกันแบบนั้นปัญหาที่ท่านพูดมาจะฟังไม่ขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราพยายามอดทนอดกลั้น หากนายจุลพันธ์ไม่แวะมาที่ตนคงไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรขนาดนี้ แต่เวลานี้ผู้นำฝ่ายค้านต้องการทราบเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมา อาจจะชี้แจงได้ว่าประเทศไทยเรายังไม่พร้อม ทั้งเรื่องความมั่นคง กฎหมายการฟอกเงิน และการศึกษายังไม่ดีพอ จึงขอกลับไปทำใหม่ถึงวันเลือกตั้งแล้วไปว่ากันในสนามเลือกตั้งให้ประชาชน จะได้รับรู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอนโยบายแบบนี้ เป็นเรื่องที่แฟร์

ก่อนที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะปิดไมค์แล้วกล่าวว่า ซ้ำประเด็นและท่านได้ชี้แจงในส่วนที่พาดพิงถึงท่าน ที่ประชุมคงจะเข้าใจท่านแล้ว แต่ทำให้นายรังสิมันต์ จะขอใช้สิทธิ์ประท้วงประธานในที่ประชุม โดยระบุว่า ตนเองถูกพาดพิงและพยายามจะอธิบาย และพยายามทำให้เห็นว่าสถานการณ์นี้ ไม่จำเป็นจะต้องแวะมาที่ตน

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ปิดไมค์นายรังสิมันต์อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวว่า เข้าใจแล้ว ขอความกรุณาฟังประธานสักนิดนึง ตนเองอนุญาตให้ใช้สิทธิ์พาดพิงและนายรังสิมันต์ได้ใช้สิทธิ์อธิบายในสิ่งที่พาดพิงแล้ว แต่ไม่ใช่จะอภิปรายต่อไปได้ เดี๋ยวประท้วงไปประท้วงมา เรื่องที่มีความสำคัญจะลงมติ หรือจะพิจารณาต่อไปไม่ได้ผล พร้อมยืนยันว่าตนรับฟัง

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราคุยกันคือ เหตุผลในการถอนร่าง พ.ร.บ.ฯ ฝ่ายค้านต้องการหลักประกันว่าจะไม่มีการเสนอเรื่องนี้อีก อย่างน้อยที่สุดในสภาฯ ชุดนี้ ดังนั้นกรุณาอย่าแวะมาที่ประเด็นอื่น ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นเลย

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน อภิปรายแสดงความเห็นต่อญัตติที่ ครม. ขอถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ว่า ตนเองและพรรคประชาชนไม่เห็นชอบกับการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ เพราะไม่มีรายงานผลการศึกษาที่ละเอียดรอบคอบเพียงพอ ส่วนประเด็นผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน ตนเองไม่ได้บอกว่าเราต้องซ้ายหันขวาหันตามประเทศอื่น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยยอมรับว่า ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงเรื่องนี้

นายพริษฐ์ กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้เล่นคนไทยที่รัฐบาลคาดว่าจะมีเข้าไปเล่นกาสิโน นายพริษฐ์ชี้ว่า คำตอบของรัฐบาลแต่ละครั้งไม่เคยเหมือนกัน รายงานที่รัฐบาลอ้าง อยู่บนสมมติฐานและการคำนวณว่าจะมีคนไทยเข้าไปเล่นในกาสิโนสูงถึง 21 ล้านครั้งต่อปี แต่พอวันถัดมา รัฐมนตรีกลับแสดงข้อมูลคาดการณ์ว่า จะมีคนไทยเข้าไปเล่น 7.4 แสนครั้งต่อปี ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคำนวณว่า ในเมื่อคนไทยที่เข้าไปเล่นได้ ต้องมีเงินในบัญชีเกิน 50 ล้านบาทต่อเนื่อง 6 เดือน ผลจึงออกมาว่ามีคนไทยเข้าไปเล่น 5 หมื่นครั้งต่อไป จะเห็นว่าตัวเลขแต่ละครั้งแตกต่างกันมาก สำหรับมาตรการป้องกันปัญหาติดการพนัน และป้องกันการฟอกเงิน แต่หลายมาตรการ ไม่ระบุในตัวกฎหมาย แต่บอกว่าให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบาย แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เมื่อถึงวันที่มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายขึ้นมา ซึ่งท่านอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว

“ผมเข้าใจดีว่า รัฐบาลสามารถดำเนินบางนโยบายได้โดยไม่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน แต่รัฐบาลกลับเร่งรีบนำกฎหมายนี้แซงคิวกฎหมายอื่นหมดเลย แล้วจะให้เราไว้วางใจได้อย่างไร” นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า การเสนอถอนร่างครั้งนี้ ไม่ใช่การถอนบนพื้นฐานของความจริงใจ ที่อ้างว่า ครม. องค์ประกอบเปลี่ยนไป จึงต้องถอนออก ซึ่งฟังแล้วก็งง เพราะกฎหมายอีก 7 ฉบับ ที่ ครม. เสนอเข้ามา จะถอนด้วยหรือไม่ ส่วนเหตุผลว่า ต้องการเวลารับฟังความเห็นของประชาชนเพิ่มขึ้น ฟังแล้วก็ยิ่งตลก เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีเคยตอบว่า ฟังความเห็นมาพอแล้ว ซึ่งขอเสนอว่า แม้เสียงไม่พอก็ไม่ต้องชี้นิ้วมาที่ฝ่ายค้าน เพียงรับปากว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่เสนอกฎหมายที่มีปัญหาดังกล่าวกลับมาอีก ฝ่ายค้านพรัอมสนับสนุน

“ถ้าท่านยังไม่พร้อมจะให้คำยืนยันกับพวกเราว่า ท่านถอนไปแล้ว ท่านจะไม่นำร่างดังกล่าวที่มีปัญหากลับมาเสนอในสภาฯ ชุดนี้อีก ก็ชัดเจนว่าท่านไม่พร้อมจะพิสูจน์ความจริงใจของท่าน และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จำเป็นต้องมาพิสูจน์ว่าข้อสันนิษฐานของผมว่าเสียงของท่านไม่เพียงพอ เป็นความจริงหรือไม่” นายพริษฐ์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังอภิปรายไประยะหนึ่ง สส. รัฐบาลเสนอให้ปิดการอภิปราย ส่วนฝ่ายค้านเสนอให้อภิปรายต่อ เมื่อลงมติแล้วสรุปคือให้ปิดอภิปราย นายณัฐพงษ์อภิปรายปิดอีกดรอบและนายจุลพันธ์ ชี้แจงอีกครั้ง และในที่สุด ที่ประชุมสภาฯ ได้มีมติยินยอมให้ถอนร่าง พ.ร.บ.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ออกไปตามที่ ครม.มีมติให้ถอน ด้วยคะแนน 253 ต่อ 67 เสียง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"มทภ.2" นำสิ่งของพระราชทาน มอบทหารชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี สร้างขวัญกำลังใจปฏิบัติหน้าที่
สะพานข้ามแม่น้ำถล่มที่อินเดียดับ-เจ็บหลายสิบคน
"ดีเอสไอ-อัยการ" ร่วมแจ้งข้อหาคดี 7 ตร.จราจร ทำร้ายร่างกาย หนุ่มมาสด้าแดงผิดคัน อาการสาหัส ผู้ต้องหาทุกรายปฏิเสธ
จีนบอกอียูให้ไปปรับสมดุลความคิดแทนสมดุลการค้า
"โฆษกกองทัพบก" แจงเคลียร์แล้ว ปมทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย บริเวณด่านอานเสะ
ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน และบำรุงขวัญกำลังพล ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่กองกำลังบูรพา จังหวัดสระแก้ว
"ทักษิณ" ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์งาน SPLASH-soft power forum 2025 ลั่นใหญ่นำสำเร็จ "โอทอปไทย" สร้างรายได้มหาศาล ก่อนหยุดชะงักเพราะการเมืองไร้สาระ พร้อมโยนบาปมหาดไทยยุคก่อนไม่ร่วมมือ
กล้องพร้อม คนพร้อม ! MEA ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ชวนคุณมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ภาพถ่ายกับโครงการ "มหานครไร้สาย สู่ความทันสมัยแห่งอนาคต" ชิงเงินรางวัลรวม 120,000 บาท
ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านยังคงศรัทธาหลวงพ่อโสธร แม้จะมีข่าวดังเกี่ยวกับพระ
"ทบ." จัดทริป สื่อมวลชนสัญจร ตามติด ภารกิจ "แม่ทัพภาคที่ 2" ตรวจความพร้อม ซ้อมหลบภัย ปชช.-นักเรียน หากเผชิญเหตุชายแดน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น