“แพทองธาร” โต้ข่าวส่งวัตถุโบราณคืนเขมร ยันไม่จริง จ่อเอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์

“แพทองธาร” โต้ ข่าวส่งวัตถุโบราณ 20 กว่าชิ้น คืน กัมพูชา ยืนยันไม่เป็นความจริง แจงเกิดตั้งแต่สมัย รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” จ่อ แจ้งความเอาผิดคนปล่อยเฟคนิวส์ เบรค วธ. พิจารณาของบส่งคืนส่วนที่เหลือ เหตุ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน-ย้ำ กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นอำนาจอธิปไตยของไทย เร่งรักษาดินแดนพื้นที่พิพาท

“แพทองธาร” โต้ข่าวส่งวัตถุโบราณคืนเขมร ยันไม่จริง จ่อเอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์ – Top News รายงาน

แพทองธาร

 

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของกระทรวงวัฒนธรรม อยากฝาก ให้ทุกคนช่วยกันผลักดันในหลายๆเรื่อง และอัพเดทให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนทำการบ้านมาเล็กน้อย และดีใจที่จะได้ฟังทุกหน่วยงาน ว่าดำเนินการอะไรกันอยู่ รวมถึงอยากให้ผลักดันอะไรเพิ่มเติม

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ข้อแรกขอชี้แจง ตามที่ได้มีข่าวปลอมในออนไลน์ เรื่อง การคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 ชิ้นให้กับทางกัมพูชายืนยันว่าไม่เป็นความจริง กลางคืนวัตถุโบราณมีมาตั้งแต่สมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีการคืนวัตถุโบราณไปจำนวน 23 รายการ ตั้งแต่ปี 2558 หลังตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชา จากจำนวน 43 ชิ้นที่ลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 และวันที่ 21 พฤษภาคม2567 มติครม.รัฐบาลนายเศรษฐา มีมติเห็นชอบให้ส่งมอบโบราณวัตถุ 20 รายการแก่กัมพูชา ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังจากกรมศิลปากร และคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัตถุโบราณมีต้นกำเนิดในกัมพูชา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมในการจัดส่งคืน ซึ่งได้รับรายงานว่างบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอในการขนส่ง และไม่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการของบกลาง จึงต้องขอทบทวน และส่งเรื่องเพื่อขอตั้งงบประมาณของกระทรวง และรายงานต่อ คณะรัฐมนตรีหรือ ครม.เพื่อทราบ ในการหาหน่วยงาน หรือที่มาของงบประมาณ ที่จะจัดสรรงบประมาณต่อไปในการส่งคืนที่สำคัญเนื่องด้วยสถานการณ์ไทยกัมพูชา ทางกระทรวงวัฒนธรรม จึงมีความเห็นในการทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสม ซึ่งผลสรุปว่า วัตถุโบราณในส่วนที่เหลือจะยังไม่มีการส่งคืนซึ่งต้องขอทบทวนก่อน

ข้อสอง ในประเด็นเรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน กระทรวงวัฒนธรรมขอยืนยันว่ากลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และมีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ. 2505 แล้ว ในส่วนพื้นที่พิพาทอื่นๆ ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า จะเร่งดำเนินการในการรักษาไว้ซึ่งดินแดน และอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน

ทั้งนี้จะดำเนินการแจ้งความกับผู้ปล่อยข่าว การปลูกปั่นต่างๆที่ทำให้เกิดผลเสีย และเกิดผลกระทบ โดยยืนยันว่าจะดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว แม้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่การปล่อยข่าว ที่ไม่เป็นความจริง ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

 

และข้อสามจะ ผลักดันเรื่อง Cash rebate ให้กับกลุ่มผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย ไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติที่ได้รับการสนับสนุน 30% แต่รวมถึงคนไทยด้วย ซึ่งอยากให้ ภาพยนตร์ไทยไปไกลได้มากกว่านี้ เมื่อเรามีภาพยนตร์ที่ดี จะสามารถ สอดแทรกความเป็นไทย ไปใน ภาพยนตร์ซึ่งเป็นรูปแบบของ Soft Power ที่จะออกสู่สายตาชาวโลกได้ง่ายขึ้น วันนี้ก็จะได้มารับรู้รายละเอียดจากกระทรวงวัฒนธรรม ว่าติดขัดในขั้นตอนใด และมีเรื่องอะไรที่ควรจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

ข้อสี่ ในส่วนของอุตสาหกรรม Soft Power ที่ตยได้ริเริ่มมา จะผลักดันต่ออย่างเต็มที่ โดยจะขอทำในส่วนที่เป็น Quick win ใน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ภาพยนตร์ อาหาร มวยไทย และ wellness ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่สามารถยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสร้างงาน ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร โรงแรม สามารถ เชื่อมโยงเข้าด้วยกันขณะเดียวกันก็ยินดีที่จะส่งเสริมทั้งเอกชนและภาครัฐร่วมกันทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ “วัฒนธรรมไทยเป็นของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มหลอนยาซิ่งเก๋งพุ่งแหกด่านตรวจ ตำรวจตามรวบตัว พบยาอื้อ โดนหนัก 7 ข้อหา
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 320 คน อย่างอบอุ่น ในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 จัด “ค่ายประวัติศาสตร์ชาติไทย”
ปลุกเสกกระสุนพลาสติก ยิงเป้า 'วุ้นเส้น' กลางงานถนนคนเดินยูวิลล์มาร์เก็ต ผู้จัดประกาศไล่สิ่งชั่ว–คืนสีสันให้คนโคราช
จนท.เร่งตรวจสอบโครงสร้าง "อาคาร ROUTE 66" ย่าน RCA หลังเกิดเหตุไฟไหม้
"นฤมล" พรรคกล้าธรรม คว้าเก้าอี้เลือกตั้งซ่อม ส.อบจ.เชียงราย
มุกดาหาร ชสอ.แถลงข่าวมหกรรมข้อมูล ล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2567 ชี้ให้เห็นว่า เฉพาะเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์ มี สินทรัพย์รวมกันสูงถึง 3.43 ล้านล้านบาท มีการให้เงินกู้แก่สมาชิกเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตไปแล้วกว่า 2.39 ล้านล้านบาท และที่สำคัญที่สุดคือ มียอดเงินรับฝากจากสมาชิกรวมกันสูงถึง 1.43 ล้านล้านบาท ประกอบกับมี ทุนเรือนหุ้นของสมาชิกอีกกว่า 1.37 ล้านล้านบาท ตัวเลขมหาศาลนี้ยืนยันว่าสหกรณ์ออมทรัพย์คือแหล่งเงินออมภาคสมัครใจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากธนาคารพาณิชย์ และเป็นกลไกสำคัญที่สร้างผลตอบแทนในรูปของ "เงินปันผล" และ "เงินเฉลี่ยคืน" กลับสู่สมาชิกโดยตรง ช่วยลดความเหลื่อมล้าและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม มหกรรมวันออมแห่งชาติ ปี 2568 ณ จังหวัดมุกดาหาร ด้วยความสำคัญดังกล่าว ในปี 2568 นี้ เราจึงร่วมกับจังหวัดมุกดาหาร จัด "มหกรรมวันออมแห่งชาติ" ภายใต้แนวคิด "พลังสหกรณ์ ส่งเสริมความมั่นคงทางการออมให้คนไทย" และนับเป็นพระคุณอย่างสูง ที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของขบวนการสหกรณ์และการออมของภาคประชาชน โดยท่านได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการออมเป็นวาระแห่งชาติ สาหรับกิจกรรมในวันงาน 31 ตุลาคม 2568 จะมีความหลากหลายตลอดทั้งวัน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและส่งต่อแรงบันดาลใจในทุกมิติ ประกอบด้วย: ภาคเช้า กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ "Mekong Savings Run & Ride 2025" การเดิน-วิ่ง และ ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพริมฝั่งโขง เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นสร้างความมั่นคงจากสุขภาพกาย สู่สุขภาพทางการเงิน ภาคกลางวัน เวทีสัมมนาวิชาการ "ก้าวข้ามกับดัก เพื่อโอกาสสหกรณ์ไทยให้ยั่งยืน" และทอล์คโชว์ "อนาคตการออมไทย ขับเคลื่อนโดยพลังสหกรณ์" โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ เพื่อมอบความรู้และเปิดมุมมองใหม่ๆ ทางการเงิน ภาคค่ำ งานเลี้ยงสังสรรค์ "Cooperative Power Night" และพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ "สหกรณ์ส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม" เพื่อยกย่องสหกรณ์ที่เป็นต้นแบบในการสร้างวินัย ทางการเงิน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์และสร้างวัฒนธรรมการออมที่เข้มแข็งให้แก่สังคมไทย เพราะเราเชื่อว่า "เงินออมของสมาชิกทุกคน คืออิฐแต่ละก้อนที่ประกอบกันขึ้นเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงของประเทศ" มาร่วมกันทาให้วันที่ 31 ตุลาคม ไม่ใช่เป็นเพียงวันออมแห่งชาติ แต่เป็นวันที่คนไทยทุกคนเริ่มต้นสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับตนเองและประเทศชาติสืบไป. ภาพ-ข่าว อนุศักดิ์ - เสาวภา แสนวิเศษ ผู้สื่อข่าวTOPNEWSทั่วไทย จ.มุกดาหาร ประจาปี 2568 ส่งเสริมความมั่นคงทางการออมให้คนไทย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​