โดยอาจารย์ปริญญา กล่าวว่า กรณีนี้ น่าจับตามองมติของศาลรธน. เพราะหากมีเสียงเห็นด้วยมากกว่า 5 เสียง ขึ้นไป ก็คือเสียงข้างมากแล้ว ไม่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกัน ขึ้นอยู่กับเสียงที่โหวต ส่วนตัวมากกว่า จากสถานการณ์และหลักฐานต่าง ๆ เชื่อว่าศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณา แต่เมื่อรับไว้พิจารณาแล้ว จะยังไงต่อ มองว่า กรณีที่ 2 นั้นสำคัญ คือจะสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกฯหรือไม่

เมื่อลองเทียบเคียงกับกรณีของพลเอกประยุทธ์ ที่ว่าปฏิบัติหน้าที่เกิน 8 ปีหรือไม่ ตอนนั้นศาลรับคำร้องไว้ แล้วสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แล้วก็มีการตั้งนายกฯรักษาการ แต่เมื่อผ่านไป 37 วัน ระหว่างพิจารณา แล้วได้ยกคำร้อง ก็สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ใหม่

ส่วนกรณีของนายเศรษฐา อาจจะดูเบากว่า ศาลให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ หลังรับคำร้องไว้พิจารณา แต่เมื่อมีผลตัดสินเป็นเอกฉันท์ออกมาแล้ว ก็ให้หยุดทำหน้าที่ทันที

สำหรับกรณีของนายกฯแพทองธาร มองว่า เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี คิดว่าศาลรับคำร้องแน่นอน แต่คือ อาจจะให้ยุติทำหน้าที่ระหว่างที่ศาลพิจารณาก่อนก็ได้ หรือไม่สั่งให้ยุติทำหน้าที่ การยุติ แค่หยุดชั่วคราว ยังไม่ได้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หากศาลยังไม่ให้หยุดทำหน้าที่ ก็จะเหมือนนายเศรษฐา ให้ทำงานไปก่อนได้ แล้ววันที่ตัดสินจริง ๆ ค่อยมาลุ้นกันอีกครั้ง

แต่สุดท้ายก็เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมทางออกกับเรื่องนี้ไว้แล้ว และเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่อาจจะเลวร้ายที่สุดด้วย คือประมาณสัก 2 เดือนข้างหน้า คาดว่าระยะเวลาจะประมาณนี้ ต่อให้ศาลจะพิจารณาว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง เพื่อไทยคงเตรียมพร้อมมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่มีภาพคุณชัยเกษม แคนติเดตนายกฯของเพื่อไทยอีกคน ออกรอบตีกอล์ฟในเวลานี้ มั่นใจว่าเพื่อไทยหาทางไปต่อได้