“แรมโบ้อีสาน” ยื่นนายกฯ แจงสารพัดข้อกล่าวหา ค้าน “พีระพันธุ์” เป็นรัฐมนตรี “สนธิญา” ไล่บี้ปรับพ้นตำแหน่ง

"แรมโบ้อีสาน" ยื่นนายกฯ แจงสารพัดข้อกล่าวหา ค้าน "พีระพันธุ์" เป็นรัฐมนตรี "สนธิญา" ไล่บี้ปรับพ้นตำแหน่ง

“แรมโบ้อีสาน” ยื่นนายกฯ แจงสารพัดข้อกล่าวหา ค้าน “พีระพันธุ์” เป็นรัฐมนตรี “สนธิญา” ไล่บี้ปรับพ้นตำแหน่ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

23 มิ.ย.2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้คัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรัฐมนตรี โดยระบุว่า ตนเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยใช้ motto ของพลเอกประยุทธ์คือ รวมไทยสร้างชาติ มาตั้งเป็นชื่อพรรค และในปลายปี 2564 นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ได้มาพรรคหาเสียงตอนเลือกตั้ง ซึ่งตามปกติแล้วตนตั้งพรรคนี้เพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง และตนได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ 15 แต่ในขณะนี้ตนไม่สามารถเข้าสภาได้เนื่องจากปัญหาในพรรค

นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างชื่อพลเอกประยุทธ์ มาโดยตลอดซึ่งพลเอกประยุทธ์นั้น ได้ออกจากพรรคและไปเป็นองคมนตรีแล้ว ซึ่งไม่สามารถข้องเกี่ยวกับการเมืองได้ รวมถึงการบริหารงานในพรรคไม่เป็นไปตามที่ได้มีความตั้งใจไว้ แต่กลับทำให้พรรคเกิดความแตกแยกเป็นกลุ่มเป็นก้อน แตกความสามัคคี ทั้งนี้ ตนมองว่าการที่นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีการคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 2 และมีการปรับบางตำแหน่งและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามอำนาจการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

 

 

นายเสกสกล กล่าวว่า ในส่วนของนายพีรพันธุ์ในขณะนี้อยู่ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ไต่สวน เพื่อดำเนินคดีฐานละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีทุจริตแจกถุงยังชีพ ซึ่งข้อกล่าวหาเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมถึงป.ป.ช. ยังรับไต่สวนคดีซุกหุ้นและเป็นกรรมการบริษัทรวมถึงคู่สมรส ซึ่งมีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งในข้อมูลนายทะเบียนนิติบุคคล สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้นและงบดุลของแต่ละบริษัท โดยระหว่างดำรงตำแหน่งยังบริหารจัดการบริษัทที่ตนเป็นเจ้าของ ทั้งยังแต่งตั้งบุคคลที่ใกล้ชิดมีผลประโยชน์ทับซ้อน ในการเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ล้วนเป็นการละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างไต่สวนของ ป.ป.ช.

นายเสกสกล กล่าวว่า ประเด็นการถือหุ้นและไม่ได้โอนหุ้น ของนายพีระพันธ์และคู่สมรส ถือเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 160(6) ซึ่งอยู่ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ไต่สวน อันนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดถอนนายพีระพันธ์ รวมทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่านายพีระพันธ์ได้กรอกแบบข้อมูลตามพรบ. การจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรีตามแบบของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก่อนที่นางสาวแพทองธาร จะเสนอทูลเกล้า ว่านายพีระพันธ์ คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถือครองหุ้นไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นการกรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบการถือครองหุ้น จากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงข้างต้นตนจึงขอแจ้งข้อเท็จจริงในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีของนายพีระพันธ์ ให้แก่นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร่งด่วน เพราะเกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี

 

 

“ความไม่ชัดเจน ความไม่แน่นอน ไม่มีจุดยืนของนายพีระพันธ์ เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตราย วันนี้นายกฯจะตั้งรัฐบาลหรือปรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่อก็เป็นเรื่องของท่าน จะยุบสภาหรือลาออกก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ท่านต้องพึงระวังว่ามีบุคคลที่ขณะนี้ ที่องค์กรอิสระทั้งป.ป.ช. กกต.และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กำลังไต่สวนตรวจสอบ และเรื่องกำลังจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าผลวินิจฉัยออกมาว่า นายพีระพันธ์มีความผิด จะมีคนไปร้องเรียน นายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากตำแหน่งเช่นเดียวกัน “

นายเสกสกล ยังระบุว่า อีกว่า วันนี้พรรคจะเล็กพรรคจะตกต่ำ หรือใครจะย้ายออกจากพรรค แต่ตนต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเตือนนายกรัฐมนตรีว่าให้ปรับนายพีระพันธ์ออกจากครม. มิฉะนั้นนายกรัฐมนตรีมาทราบถึงประวัติคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังเพิกเฉยผลร้ายจะกลับไปที่ตัวนายกรัฐมนตรี ตามหลักผลไม้ที่เป็นพิษ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารู้ หรือควรจะรู้เพราะไม่ได้ตรวจสอบมิได้

“ขอเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดันและนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรานชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เคยออกมาประกาศว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่ออกเราจะออกเอง ตนขอถามว่าต้องรับผิดชอบกับคำพูดด้วยการลาออกมิฉะนั้นจะต้องเอาปี๊บคุมหัว”

 

 

 

วันเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี ในฐานะนักร้องเรียนทางการเมือง ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้กำลังใจ หลังโดนผู้นำกัมพูชาปล่อยคลิปเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ทรามมาก อาจส่งผลให้ผู้นำระหว่างประเทศไม่กล้าคุยโทรศัพท์ระหว่างกัน แต่เนื้อหาที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้น เช่น การพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 , หรืออยากได้อะไรก็บอก เป็นสิทธิ์ที่ประชาชนจะยื่นตรวจสอบ หรือจัดการชุมนุมได้

 

นอกจากนี้ การยื่นเอกสารวันนี้ ต้องการให้นายกรัฐมนตรีปรับนายพีระพันธ์ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีหมายเรียกจากคดีป.ป.ช. รวมถึงคดีต่าง ๆ ด้วย ฉะนั้นหากนายกรัฐมนตรียังคงแต่งตั้งก็จะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญและการฝ่าฝืนจริยธรรม ขณะเดียวกัน ตนจะนำหนังสือดังกล่าวมอบให้แก่ประธานองคมนตรีตามช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 10 วรรค 2 เพื่อยับยั้งการแต่งตั้งนายพีระพันธ์

 

 

ทั้งนี้นายสนธิญา กล่าวต่อว่า วันพุธ (25 มิ.ย) ตนจะไปยื่นเรื่องกับ กกต. เพื่อยุบพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ตามความผิดพรป.พรรคการเมือง เนื่องจากเป็นการกระทำที่สร้างความแตกแยกและสร้างความเสียหาย หลังจากเกิดคดีคลิปเสียงผู้นำกัมพูชาหลุด รวมถึง มีกระบวนการให้เรียกร้อง เพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะพรรครทสช.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง จ.จันทบุรี ปรับตัวสู้ปัญหา "ปลาหมอคางดำ"
ด่วน! "แม่ทัพภาคที่ 1-2" สั่งเข้ม ปิดด่านชายแดนสระแก้ว-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์ ห้ามเข้าออก เว้นผู้ป่วย นักเรียน ตามหลักมนุษยธรรม
"เนเน่ รัดเกล้า" โบกมือลา "รทสช." แล้ว ขอก้าวมามองการเมืองจากข้างนอก
"อดีตสว.สมชาย" ลุ้น 1 ก.ค. ศาลรธน.รับคำร้อง "นายกฯอิ๊งค์" ผิดจริยธรม เผย มติ ป.ป.ช.เดินหน้าสอบด่วน ภายใน 10 วัน ปมคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน"
อิสราเอลเปิดเที่ยวบินขาออกมากรุงเทพวันแรก
เมืองสัตหีบ ปิดฉาก ศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 2
"มหาดไทย-โยธาฯ" จัดรูปที่ดินนครสวรรค์ พลิกโฉมเมือง สร้างโครงสร้างพื้นฐาน-สวนสาธารณะ มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
รวบ! หนุ่มเขมรลักลอบทิ้งน้ำเสียลงคลอง ชาวบ้าน สุดทน จับมือ ตร.-อบต. ล้อมจับคารถบรรทุก
ป.ป.ช.เดินหน้า คดี "พีระพันธุ์" แจกถุงยังชีพ ตั้งคกก.ทำงานคู่ลุยไต่สวน พร้อมออกหมายเรียกรอบใหม่
“ผบ.ทบ.” ควง “มทภ.2” บินด่วนสุรินทร์ ถกแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น