สื่อกัมพูชาสุดแสบ แพร่ข่าวโจมตีไทยเป็นช่องผ่านค้ามนุษย์ ธุรกิจมืด เอาคืนโดนแฉเขมรคือศูนย์กลางใหญ่สแกมเมอร์

สื่อกัมพูชาสุดแสบ แพร่ข่าวโจมตีไทยเป็นช่องผ่านค้ามนุษย์ ธุรกิจมืด เอาคืนโดนแฉเขมรคือศูนย์กลางใหญ่สแกมเมอร์

สื่อกัมพูชาสุดแสบ แพร่ข่าวโจมตีไทยเป็นช่องผ่านค้ามนุษย์ ธุรกิจมืด เอาคืนโดนแฉเขมรคือศูนย์กลางใหญ่สแกมเมอร์

 

 


รายงานของพนมเปญ โพสต์ ระบุว่า ขณะที่การฉ้อโกงออนไลน์ รวมถึงปฏิบัติการ เชือดหมู แพร่ระบาดไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยในฐานะทางผ่านสำคัญของเหยื่อที่ถูกหลอกโดยใช้โอกาสการทำงานบังหน้า ก็ถูกเพ่งเล็งอย่างหนักเช่นกัน
เหยื่อที่หลงเชื่อว่ามีงานรายได้ดีรออยู่ ถูกพาตัวมาที่ไทย ก่อนลักลอบพาไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา และกัมพูชา จากนั้นถูกบังคับให้เข้าร่วมขบวนการมิจฉาชีพ หลอกเงินจากเหยื่อทั่วโลกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ตอนหนึ่งของรายงานข่าวเชิงลึกของ CNA ภายใต้พาดหัว “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการหลอกหลวงของอาชญากรเชื่อมโยงกับจีนได้อย่างไร” เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ยกกรณีโด่งดังของเหยื่อชื่อว่า เสี่ยว ห่าว หนุ่มจีนจากมณฑลซานตง ถูกหลอกมาทำงานบนเรือในไทย แต่พอมาถึงไทยแล้ว กลับถูกลักลอบพาข้ามเข้าไปในเมียนมาจากทางจังหวัดตาก จังหวัดชายแดนที่ขึ้นชื่อเป็นทางผ่าน ให้บรรดานักค้ามนุษย์ ใช้พาเหยื่ออย่างหนุ่มจีนรายนี้เข้าไปในเมียนมา เมื่อไปถึงที่นั่น เหยื่อจะถูกขัง กระทำทารุณ บังคับให้ทำงานหลอกเหยื่อทั่วโลก

ความจริงที่อยู่เบื้องหลังกรณีเช่นนี้ สะท้อนความซับซ้อนของปัญหา ไทยอาจไม่ใช่ฐานปฏิบัติการต้มตุ๋นเสียเอง แต่เป็นขั้นตอนสำคัญของการค้ามนุษย์และเครือข่ายสแกมเมอร์ แม้ว่าไทยพยายามปราบปราม รวมถึงปฏิบัติการร่วมกันสามฝ่ายกับจีน และเมียนมา ตัดทรัพยากรของศูนย์สแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา แต่ได้ผลมากแค่ไหนยังเป็นคำถาม ด้วยสภาพชายแดนที่มีช่องโหว่มากมาย ความสามารถในการปรับตัวของเครือข่ายอาชญากรรม ทำให้บ่อยครั้ง ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายมักจะตามหลังอีกฝ่ายอยู่หลายก้าว

ข่าวที่น่าสนใจ

สหประชาชาติประเมินว่า มีประชาชนราว 120,000 หมื่นคน ถูกหลอกไปทำงานในแหล่งสแกมเมอร์เมียนมา อีกราว 100,000 คนถูกหลอกไปกัมพูชา บ่อยครั้งใช้ไทยเป็นทางผ่าน ดร. รัชดา ไชยคุปต์ หนึ่งในคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ ให้ความเห็นในรายงานชิ้นนี้ว่า สามเหลี่ยมทองคำ เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดมานาน ปัจจุบันยังเป็นฐานสแกมเมอร์ด้วย ประเทศไทย ซึ่งเป็นทางผ่านสำคัญของธุรกิจมืดเหล่านี้ จึงเปราะบางต่อการถูกนานาชาติวิจารณ์ แม้ดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง

รายงานชิ้นหนึ่งจากเดอะเนชั่น ไทยแลนด์ ที่ขยายปมเครือข่ายอันซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล ทำให้วิกฤตินี้ยิ่งรุนแรง รายงานกล่าวหาเขตเศรษฐกิจพิเศษของกัมพูชา และพื้นที่ชายแดน เป็นฐานสแกมเมอร์ อาคารที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่อย่าง สีหนุวิลล์ พนมเปญและปอยเปต มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจฉ้อโกง ภาพถ่ายดาวเทียมช่วงปี 2565-2568 ยังเผยให้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในจังหวัดโปซัท หรือ โพธิสัตว์ และ ตบูงคมุม มีการลงทุนอย่างมโหฬารในธุรกิจโยงใยมิจฉาชีพ เช่น แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ และบริการซอฟต์แวร์ เครือข่ายเหล่านี้ดำเนินงาน โดยใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินที่ไม่มีใบอนุญาต ตลาดออนไลน์ผิดกฎหมาย หรือกระทั่งพัฒนาระบบบล็อกเชนของตัวเอง

ทางการกัมพูชาโต้ว่า กัมพูชาเป็นเหยื่ออาชญากรต่างชาติ มากกว่าเป็นผู้กระทำผิด โดย แสง ธีริธ รองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชา ประณามการสื่อภาพกัมพูชาในทางลบ ทั้งที่ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติที่เข้าไปใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชายแดนกัมพูชา และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่หละหลวม ทางการกัมพูชาเองก็พยายามอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกวาดล้างการค้ามนุษย์ คุมเข้มความปลอดภัยชายแดน ยกระดับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และใช้เทคโนโลยีติดตามความเคลื่อนไหวข้ามแดน แต่มิจฉาชีพออนไลน์ไม่ได้อยู่ในกัมพูชา พวกเขาเป็นเครือข่ายข้ามพรมแดน คนเหล่านี้มาจากประเทศอื่น และประเทศเหล่านั้นก็ควรป้องกันคนของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเช่นกัน

เช่นเดียวกับ ชู บุน เอ็ง รองประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า กัมพูชาได้ประโยชน์จากธุรกิจต้มตุ๋น อาชญากรรมเหล่านี้ทำร้ายเศรษฐกิจและชื่อเสียงของกัมพูชา ไม่มีรัฐบาลไหนที่ต้องการดึงดูดอาชญากรรมเข้ามา

พนมเปญ โพสต์ระบุว่า ธรรมชาติของการฉ้อโกงยุคใหม่ ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้หลายประเทศอย่างกัมพูชา ที่มีระบบป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ค่อนข้างอ่อนแอ ตกเป็นเป้าหมายต่อไป และขณะที่กัมพูชาและประเทศในภูมิภาค พยายามตอบโต้การกล่าวโทษอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว ยังเผชิญกับอุปสรรคการกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศ และสกัดการขยายอิทธิพลของอาชญากรรมที่ขยายขีดความสามารถด้วยเทคโนโลยีอีกด้วย

นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างสื่อไทยกับกัมพูชา ตอกย้ำปัญหาความร่วมมือระดับภูมิภาค หรือขาดความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน ขณะที่สื่อไทยให้ภาพกัมพูชาเชิงลบ แต่ชู บุน เอง รองประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ ย้ำว่า ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ไม่ได้เกิดเฉพาะกัมพูชา แต่เป็นปรากฏการณ์ระดับโลก พัวพันอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายยิ่งยากลำบาก และต้องอาศัยการประสานความร่วมมือระดับนานาชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สมาคมสื่อภูมิภาคชุมพร จัดโครงการ “พร้อมใจให้โลหิต เพื่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ครั้งที่ 6
พุทธศาสนิกชนชาวอำเภอเบตงร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
"มนพร" ดันสนามบินอุบลฯ เปิดเส้นทางระหว่างประเทศ กระตุ้นศก.การค้า-การท่องเที่ยว
"ทวี - ธีรรัตน์" ลงพื้นที่ "อ.น้ำยืน" อุบลฯ มอบ "บ้านเพื่อคนไทย" ให้ผู้ประสบภัย เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกำชับหน่วยงานในพื้นที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาปชช.
ปราจีนบุรี ยอดขายพวงมาลัยดอกมะลิซบเซา ร้านเค้กกลับมียอดขายเพิ่มขึ้น
"อดีตบิ๊กข่าวกรอง" ฝากทหารสางแค้น ซัด "รัฐบาล" หยุดโกหก "ชายแดนไทย-กัมพูชา" สงบ ชี้ให้ดูวันแม่ ลูกหลานยังเหยียบทุ่นระเบิดเขมร

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​