ถ้า “นายกฯอิ๊งค์” เลือกลาออก ส่อง 6 แคนดิเดตผู้นำคนต่อไป

ถ้า "นายกฯอิ๊งค์" เลือกลาออก ส่อง 6 แคนดิเดตผู้นำคนต่อไป

หลังเกิดเหตุการณ์คลิปเสียงการพูดคุยระหว่างสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่เจรจาเกี่ยวกับปัญหาขัดแย้งชายแดน ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมากมาย ทั้งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา และถึงขั้นที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการยุบสภาหรือลาออกของนายกรัฐมนตรี มีรายละเอียดดังนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

กรณีประกาศยุบสภาจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 103 บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการยุบสภาไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่การเลือกตั้งทั่วไป การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน ภายในห้าวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งใช้บังคับ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับ วันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศลาออก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 บัญญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยการเสนอชื่อบุคคลที่จะโหวตเห็นชอบจะต้องอยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองที่มี สส.ไม่น้อยกว่า 25% ของ สส.ที่มีอยู่ในสภาฯ หรือ 25 คนขึ้นไป โดยชื่อที่ถูกเสนอจะต้องมี สส.ยกมือรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ที่มีอยู่ของสภาฯ หรือ 50 คน และจะต้องมีการลงมติเห็นชอบโดยเปิดเผย

 

ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีแพทองธารลาออก สภาฯก็จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลือในเวลานี้ มีทั้งหมด 6 คน ได้แก่
1.นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
2.นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย
3.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีในฐานะอดีตหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
5.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

แต่จากรายชื่อที่เหลือทั้ง 6 คนนั้น มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายกอุ๊งอิ๊งค์ลาออก เพราะพลเอกประวิตรหมดสิทธิ์ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ มี สส.ไม่ถึง 25 คน เนื่องจากการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองที่แจ้งไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็น สส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 25 คน นอกจากนี้การเสนอชื่อดังกล่าวต้องมี สส.รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 50 คน

โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะทำโดยเปิดเผย คือใช้วิธีการเรียกชื่อ สส. แต่ละคนและให้ สส.ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับเลือก จะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมี สส. ทั้งหมด 495 คน เท่ากับว่าต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไป จึงจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหารโหวตในครั้งนี้ สว.ไม่มีสิทธิ์ร่วสมโหวตด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทีมนักกีฬาจีนทุบสถิติโลก 'โดดเชือก'
"มูลนิธิยังมีเรา" ร่วม "ท็อปนิวส์" รับแจ้งด่วน แฟนข่าว ศรีสะเกษ เดือดร้อนประสบภัยเหตุปะทะชายแดน รุดช่วยเหลือทันที
ชลบุรี จัดกิจกรรมรวมพลังต้านยาเสพติด No Drugs No Dealers
สวธ. จัดงานมอบรางวัลการประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากลเพื่อการต่อยอด-พัฒนา
"กรมศิลป์" ชวนชมนิทรรศการ "จากมรดกชาติค่าล้ำ สู่มรดกความทรงจำแห่งโลก"
วธ.เปิดค่าย "Young Creative Media Camp" นักสร้างสื่อสร้างเสน่ห์ไทย เมื่อเยาวชนไทยลุกขึ้นมาสร้างพลังสื่อ ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยสู่โลก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​