วันนี้ ( 16 มิ.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีคำสั่งไล่ออกจากราชการ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กรณีมีส่วนร่วมกับการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารหน่วยพิทักษ์อุทยานแก่งกระจาน
ข่าวที่น่าสนใจ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเองเป็นข้าราชการมาหลายสิบปี และคนที่ตัดสินตนเองก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน ซึ่งในกระทรวงทรัพยากรฯ มีทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ สิ่งที่ตนเองรับไม่ได้นั่นคือการที่รับรู้ว่า ถูกไล่ออกจากสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ไม่ต่างอะไรกับการถูกกลั่นแกล้ง สิ่งที่ตนเองทำ สมควรจะได้รับการเชิดชู มากกว่าการถูกไล่ออกแบบนี้
ก่อนหน้านี้ตนเองได้เข้าไปชี้แจงกับป.ป.ช. ครบถ้วนในทุกประเด็นแล้ว ก็คิดว่า ไม่น่าจะถูกชี้มูลความผิด เพราะตนเองก็มีพยานหลักฐาน การก่อสร้างอาคารที่ทำการป่าไม้ ซึ่งถือว่าเป็นการก่อสร้างที่ยากลำบากเพราะไปก่อสร้างในป่าลึก แทบจะหาผู้รับเหมาไม่ได้ ตอนนั้นตนเองก็ชี้แจงไปว่า เหตุผลที่ต้องสร้าง เนื่องจากต้องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักจะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาล่าสัตว์ตัดไม้อยู่เป็นประจำ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงต้องลาดตระเวนไปที่จุดดังกล่าวเป็นประจำ แต่ไม่มี อาคารที่พัก นี่จึงเป็นเหตุผลในการสร้างอาคารที่ทำการป่าไม้ในป่าลึก
ส่วนที่ป.ป.ช. มีข้อมูลว่าตนเอง ทุจริต เรียกรับเงินหรือสินบน ยืนยันว่าตนเองไม่เคยรับ จำนวนเงินที่อยู่ในสำนวนชี้มูลความผิด กว่า 1 ล้านบาทเป็นเงินที่ผู้รับเหมานำมาให้กับคนงานที่สร้างอาคาร ตลอดชีวิตที่ผ่านมาตนเองไม่เคยกินสินบาทคาดสินบนแต่อย่างใด
นายชัยวัฒน์ ยังมีการตั้งคำถามถึง ประเด็นเรื่องเอกสาร ไล่ออกจากราชการ ว่า เอกสารดังกล่าวไปถึงมือสื่อมวลชน หรือสังคมออนไลน์ได้อย่างไร เพราะเป็นเอกสารลับ ปลัดกระทรวงทรัพยากร ควรชี้แจงในเรื่องดังกล่าวให้ชัดว่า เหตุใดเอกสารถึงหลุดออกไป ถ้ากระทรวงแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการตนเองจะไม่ว่า แต่นี่มีเอกสารหลุดออกไปจึงทำให้ตนเองได้รับความเสื่อมเสียและเสียหาย ตอนนี้ตนเองกำลังพิจารณาแจ้งความดำเนินคดี กับผู้ไม่หวังดีปล่อยเอกสารลับ
ส่วนการดำเนินการอุทธรณ์ต่อคำสั่งไล่ออก นายชัยวัฒน์บอกว่า มี 2 ทางเลือก คือทางเลือกแรก ตนเองอาจจะร้องไปยังต้นสังกัดคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอยื่นอุทธรณ์และทุเลาคำสั่ง ส่วนทางเลือกที่ 2 อาจจะยื่นคำร้องไปที่ศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ต่อคำสั่งดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าตนเองยังยึดมั่นในการทำหน้าที่ เพื่อส่วนรวม และประเทศชาติทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
