“ปานเทพ” เสนอ 7 ข้อเรียกร้อง รัฐบาลสร้างความชัดเจน ผลเจรจา JBC ยกเลิกได้แล้ว MOU43-44
ข่าวที่น่าสนใจ
16 มิ.ย.2568 อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แถลงข่าว หลังการประชุม JBC แก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.68)
อาจารย์ปานเทพ กล่าวว่า ตนเองศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา มาเป็นเวลานานกว่า 14 ปี จึงมีข้อมูลมากพอสมควร ที่จะเชื่อได้ว่าไทยอาจจะเพลี่ยงพล้ำ หรือเสียเปรียบต่อการประชุม JBC เริ่มจากก่อนเข้าประชุมเวทีใหญ่ในวันที่ 14 มิถุนายน มีการประชุมเวทีเล็ก โดยที่ฝั่งไทยไม่ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่าเป็นการประชุมเรื่องอะไร ไม่มีการบันทึกวีดีโอ อาจทำให้กัมพูชา หาประโยชน์จากการประชุมโต๊ะเล็ก สร้างความได้เปรียบ
ข้อสังเกตต่อมา ทางการไทยตั้งนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เป็นผู้นำ JBC ฝ่ายไทย กรณีนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีไลน์หลุด แสดงให้เห็นข้อความที่นายประศาสน์ พิมพ์เข้ามาในกลุ่มไลน์ว่ายอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ของกัมพูชา ซึ่งถ้าไทยยอมรับจะทำให้สูญเสียดินแดน ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาในการหาประธาน JBC ฝ่ายไทยคนใหม่
จึงขอเสนอข้อเรียกร้อง 7 ข้อไปยังรัฐบาลให้พิจารณาดังต่อไปนี้
1.ให้เปิดเผยเอกสารการผลประชุมJBCไทยกับกัมพูชา ที่เพิ่งจบไป ว่าผลการประชุมหรือข้อตกลงใดๆ มีอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่มาแถลงว่าผลการประชุมเสร็จสิ้น เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยเฉพาะการลงนาม แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่กัมพูชาออกแถลงการณ์ทันที หลังการประชุมเสร็จ ซึ่งถ้ามีการยอมรับแผนที่ดังกล่าวจริง ถือว่าอาจผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของไทย
2.ด้วยความน่ากังวลของประธาน JBC ฝ่ายไทย อาจจะต้องเปลี่ยน เนื่องจากประธานคนปัจจุบัน คือ นายประศาสน์ มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อประเทศ รัฐบาลควรต้องเปลี่ยนตัว ซึ่งคนที่เข้ามาจะต้องมีไหวพริบ และรู้ทันเล่ห์กลของกัมพูชา
3.ให้ยกเลิก MOU2543 ทางบก ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ และยกเลิก MOU2544 ทางทะเล เพราะพื้นที่น่านน้ำของประเทศไทยที่มีปัญหาเป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการตกลงแบ่งเส้นเขตแดนทางทะเลกับฝรั่งเศส ซึ่งการยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับ ต้องนำเข้าสภาผู้แทนราษฎร และประกาศในนามรัฐบาลไทย
4.การยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับ ให้เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สามารถระบุพิกัดเขตแดนได้อย่างชัดเจนจะเป็นธรรมกว่า
5.ต้องแถลงประท้วง ไทยยังไม่ประท้วง ไทยต้องประท้วง4จุด ที่กัมพูชานำ 4 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราะสาทตาเหมือนโต๊ด และสามเหลี่ยมมรกต ให้ศาลโลกพิจารณา เนื่องจากพื้นที่ทั้ง 4 จุดเป็นของไทย ถ้าไทยไม่ประท้วง หรือแสดงจุดยืน ก็จะเหมือนเมื่อครั้งที่เสียปราสาทเขาพระวิหาร รัฐบาลไทยต้องประท้วง ไม่ใช่กองทัพเป็นผู้ประท้วง
6.รัฐบาลอย่าแทรกแแซงกองทัพ ปล่อยให้กองทัพแก้ปัญหา แม้คนในรัฐบาลจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอดีตผู้นำกัมพูชา ก็ต้องทำตามที่กองทัพเสนอ ตัดเน็ต ตัดไฟ ห้ามคนไปเล่นบ่อน ทำลายระบบสื่อสาร ตัดวงจร ป้องกันการทำลายความมั่นคงของชาติ
7.ข้อนี้สำคัญ ถ้ารัฐบาลยังเกรงใจอริราชศัตรู ใส่ร้ายประเทศไทย รัฐบาลยังแทรกแซงกองทัพ ขอให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก
นอกจากนี้ อาจารย์ปานเทพ ยังบอกว่า ตนเองไม่ได้โทษรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแพทองธารและไม่ได้กล่าวหาพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ลงนาม MOU แต่การลงนาม MOU ฉบับดังกล่าว เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีหม่อมสุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นรัฐมนตรีลงนาม แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งออกมาแถลงนั่นก็คือ การไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ออกมาชี้แจงว่า พื้นที่ปะทะบริเวณช่องบกไม่ใช่ No man land แต่เป็นดินแดนของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเดือนกันยายนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม JBC ไทยพลิกเกม ให้เป็นฝ่ายได้เปรียบการหารือเรื่องเส้นเขตแดนได้หรือไม่ อาจารย์ปานเทพบอกว่า แค่ ไทยไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และไม่ขึ้นศาลโลก ก็ถือว่าชัดเจนแล้ว
เมื่อถามว่า สิ่งที่กัมพูชา ทำอยู่ในเวลานี้ เป็นการหาเสียง หรือการหวังผลทางการเมืองหรือไม่ เพราะอีกไม่กี่เดือน กัมพูชาจะมีการเลือกตั้งทั่วไป อาจารย์ปานเทพ บอกว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่ 3 ประชาชนยากจน รัฐบาลของอดีตสมเด็จฮุนเซน จึงต้องหาประเด็น หรือเรื่องการรักชาติ หรืออนุรักษ์นิยมมาสร้างความชอบธรรม เพื่อหวังผลทางการเมือง สิ่งที่สมเด็จฮุนเซน ทำ เป็นการดึงประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มาเดือดร้อนตามไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น