ส่วนการที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาระบุว่าพรรคไม่อบอุ่นจริงๆ และมีลายเซ็นในเอกสารที่หลุดออกมาก่อนหน้านั้น ตนมองว่าหากเป็นเรื่องแค่นี้ ไม่มีปัญหาจัดการได้ ทั้งนี้ตนได้ประกาศออกไปในสื่อสาธารณะว่า หากใครรู้สึกไม่พอใจในการทำงานของผู้บริหารรู้สึกห่างเหิน หรือว่า ทำอะไรที่ทำให้พรรคดีกว่านี้ได้ ก็มาพูดคุยกันและค่อย ๆ ปรับกันไป และทุกพรรคการเมืองต้องทำแบบนี้

เมื่อถามว่าสส.ต่างออกมาบอกว่าพรรคไม่อบอุ่น ในความหมายที่ซ่อนอยู่คือ สส.อยากให้ขับออกจะได้ไปเสียที นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ การขับออกต้องใช้มติของพรรค เราไม่ได้อยากให้เขาออก แต่ถ้าสส.ที่คิดว่าอุดมการณ์ ไม่ตรงกับพรรคก็มีสิทธิ์ลาออกอยู่แล้ว พร้อมกันนี้ได้ยืนยันว่าไม่ขับออก เพราะยังไม่มีเหตุอะไรให้ขับออก วันนี้ถามว่าไม่สบายใจที่จะอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีทางเลือกคือให้ลาออก เพราะอย่าลืมว่ากรรมการบริหารพรรค ทำหน้าที่แทนสมาชิกทั้งหมด รวมถึงสส.ด้วย และทุกคนที่ตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะสส.บัญชีรายชื่อ เขาก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าสามารถเข้ากับพรรคได้ และต้องทำงานให้กับพรรคได้ตลอดรอดฝั่ง

แต่หากมองไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าใครจะโยกย้ายถ่ายเท มันก็เป็นเรื่องปกติของการเมือง ไม่ว่าอะไรเลย แต่เหตุใดต้องมาเลือกจังหวะนี้ ที่มีกระแสข่าวปล่อย ว่าจะมีการปรับครม.ซึ่งมีทั้งเนื้อความในหนังสือ และมีคนที่เกี่ยวข้องออกมาปฏิเสธ และเนื้อหาระบุให้ปลดรัฐมนตรีทุกกระทรวง มันย้อนแย้งกับเรื่องสร้างความอบอุ่นในพรรค ซึ่งวิธีการทำอย่างนี้ไม่ได้ทำให้พรรคอบอุ่นขึ้น ที่สำคัญตนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับนายสุชาติ ผ่านสื่อสาธารณะ เพราะอันที่จริงต้องลดราวาศอกกัน และเคลียร์กันเองภายในพรรค

เมื่อถามว่าสำหรับเรื่องการปรับครม.มีการส่งสัญญาณอะไรมาจากรัฐบาลหรือยัง นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังไม่มีครับ นายสุชาติยังเป็นหนึ่งในโควตาเหมือนเดิม หากยังไม่มีการปรับครม.ก็ยังอยู่ที่เดิม และหากปรับครม.นายสุชาติจะอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าจะปรับนายสุชาติออกด้วยเหตุผลอะไร ถ้าการกระทำไม่ถูกต้อง ต้องมีกระบวนการ อยู่ดี ๆ จะให้บีบให้ใครออกไม่ได้ หลายคนจะมองว่าเป็นการรวบรัดการปฏิบัติ เพราะจริงๆแล้วพรรคเราให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า หลายคนเชื่อกันไปเองแล้วว่า ได้มีการตกลงแบ่งสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ กันคนละครึ่ง หรือ 18 ต่อ 18 เพื่อต่อรองให้ได้สองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น นายเอกนัฏ ย้ำว่า เราไม่ต้องเชื่อข่าวที่ออกมาทุกข่าว เพราะตนเคยบอกแล้วว่ามันมีกระบวนการแปลกๆ เช่น การถ่ายมาและระบุแคปชันเองว่า เช่น ไปกินข้าวแค่ 14 คน แต่บอกว่ากัน 18 คน แต่หากกินข้าวด้วยกัน 18 คน ก็จะบอกกินข้าว 23 คน มีการบวกเพิ่มไปเรื่อยๆ ดังนั้นอย่าเชื่อทุกอย่างที่ออกสื่อ แต่ให้ดูข้อเท็จจริงโดยเฉพาะในพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ให้ปล่อยไปกลไกลพรรคจะดีที่สุด ไม่มีพรรคไหนที่ใช้กระบวนการอย่างนี้แม้แต่พรรคเพื่อไทย เช่น ให้สส.รวมตัวกันลงชื่อ และหากใครมีพวกมากก็ได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งอันที่จริงไม่มีครับ แม้กระทั่งในเอกสารหลุดที่มีรายเซ็นสส.ประกอบกับต่อมา มีสส.บางคนได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เซ็นในข้อความนั้น หรือแม้แต่เรื่องของความรู้ความสามารถสุจริต จริยธรรมของสส.ที่ต้องปฏิบัติในพรรค ทุกอย่างก็ให้เป็นไปตามนั้น