“คปท.” เคลื่อนกดดัน “สถานทูตกัมพูชา” ยัน 4 จุดพิพาทเป็นของไทย ไม่ยอมเสียอธิปไตยเด็ดขาด
ข่าวที่น่าสนใจ
6 มิ.ย.2568 นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้นำมวลชนกว่าร้อยคน นำธงชาติไทยมาโบกสบัด แสดงจุดยืนต่อกรณีข้อพิพาทพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา ถนนประชาอุทิศ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ รวมถึงมีป้ายข้อความเพื่อย้ำจุดยืนว่าพื้นที่ที่ประเทศกัมพูชาอ้างสิทธิ์เหนือประเทศไทย (นำพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และ ปราสาทตาควาย) นั้นเป็นของคนไทย และป้ายข้อความตำหนิท่าทีของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย
อีกทั้ง แกนนำ คปท. ยังสลับกันขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีเรื่องความสัมพันธ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่นำไปสู่การต่อรองเรื่องผลประโยชน์ที่จะนำไปสู่การเสียดินแดน รวมถึงการปลุกใจคนไทยให้ร่วมสนับสนุนกองทัพยืนหยัดปกป้องอธิปไตย และขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
นอกจากนี้ แกนนำ คปท. ยังปราศรัยโจมตีนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ว่ามีเจตนายั่วยุทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศแตกแยก พร้อมกล่าวประณามต่อท่าทีดังกล่าว ว่าจะไม่ยอมเสียอธิปไตยให้กับประเทศกัมพูชาโดยเด็ดขาด และพร้อมสนับสนุนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับกองทัพไทย
จากนั้นนายพิชิต ได้นำแถลงการณ์ประท้วงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาไปยื่นกับสถานทูตกัมพูชา แต่ไม่มีตัวแทนออกมารับ อีกทั้งตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าไปบริเวณสถานทูต นายพิชิต จึงนำแถลงการณ์ดังกล่าวติดไว้ที่บริเวณรั้วกั้นของเจ้าหน้าที่ และกลับมาทำกิจกรรมต่อที่ด้านหน้าอีกครั้ง
ต่อมานายพิชิต แกนนำ คปท.ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้มายื่นหนังสือประท้วงที่สถานทูตกัมพูชา ไปยังรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีพฤติกรรมรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ของประเทศไทยหลายครั้ง เช่น การร้องเพลงชาติ การเผาศาลาตรีมุข ในจังหวัดอุบลราชธานี และเหตุปะทะกันบริเวณช่องบก ซึ่งเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของชาติไทย เป็นการแสดงออกของประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ดี ในฐานะประชาชนคนไทยจึงต้องการแสดงเจตจำนงไปยังรัฐบาลกัมพูชา ผ่านสถานทูตกัมพูชา ว่าคนไทยจะไม่ยอมให้กัมพูชา รุกล้ำอธิปไตยของประเทศชาติ รวมถึงแสดงความสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร เช่น การปิดชายแดน และมาตรการจากเบาไปหาหนัก
ซึ่งส่วนตัวมองว่า หลังจากปฏิเสธการพูดคุย เหตุการณ์บริเวณแนวชายแดนจะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น จึงต้องการเดินทางมาแสดงออก เพื่อให้ทหารไทยรับรู้ว่า ทหารไทยไม่ได้โดดเดี่ยว โดยเมื่อวานที่ผ่านมากลุ่มตัวเอง ได้เรียกร้องให้ รัฐบาลใช้กลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว และในวันนี้จะมีการประชุมผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งตัวเองก็คาดหวังว่า การประชุมจะยืนหยัดบนหลักการอธิปไตยของชาติ และยืนยันว่าบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เป็นดินแดนของไทย ซึ่งกลไกของ สมช. รวมถึงสภากลาโหม จะเป็นกลไกหนึ่งที่คนไทยฝากความหวังไว้ และอยากให้รัฐบาลได้เชื่อฟังสภากลาโหม และผู้นำเหล่าทัพให้มากขึ้นกว่านี้ด้วย
ขณะเดียวกัน นายพิชิต ยังมองว่า พรรคเพื่อไทยควรสนับสนุนประชาธิปไตย เหมือนพรรคอื่นๆ ไม่ใช่ว่านายกรัฐมนตรี มาจากพรรคเพื่อไทย แล้วจะไม่ออกเสียงในเรื่องข้อพิพาทพื้นที่ระหว่างชายแดน หลังจากนี้ กลุ่มของตัวเองจะเดินทางไปยื่นหนังสือ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ว่าประชาชนชาวไทย ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทหาร และรัฐบาลกัมพูชา ในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนนี้
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมนั้น ทาง พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ได้จัดกำลังตำรวจนครบาลวังทองหลาง และชุดควบคุมฝูงชนรวมกว่า 100 นาย เข้าดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร คาดว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมประสานล่วงหน้าว่าจะมาแสดงออกอย่างสงบ
สำหรับปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชาในพื้นที่บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเขตชายแดนที่ยังมีข้อพิพาทเรื่องเส้นเขตแดน มีรายงานว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ส่งผลให้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียด โดยรัฐบาล และกองทัพไทย ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยืนยันว่าจะใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ผ่านกลไกความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น