“พล.ท.กนก” ชี้ชัดแผนร้าย “กัมพูชา” เตรียมรุกล้ำไทยปลายปี 67 แรงหนักบุกป่วน “ตาเมือนธม” ลอบขุดคูเลต

"พล.ท.กนก" ชี้ชัดแผนร้าย "กัมพูชา" เตรียมรุกล้ำไทยปลายปี 67 แรงหนักบุกป่วน "ตาเมือนธม" ลอบขุดคูเลต

วันที่ 4 มิถุนายน 2568 รายการจับตาประเทศไทย ทางช่อง Top News ดำเนินรายการโดย คุณสำราญ รอดเพชร และคุณอุบลรัตน์ เถาว์น้อย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.20-12.05 น. แม้ทางฝั่งของกัมพูชาจะยืนยันว่าจะฟ้องศาลโลกแต่ทางของไทยก็ยืนยันว่าจะใช้กลไกแบบทวิภาคีวันนี้สัมภาษณ์พูดคุยกับ พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา และยังเป็นอดีตผบ.กองกำลังสุรนารี 

 

มีความคิดเห็นอย่างไรกับแถลงการณ์ของประเทศไทยเมื่อเช้า ?

พล.ท.กนก กล่าวว่าถ้าพูดถึงในเรื่องของคณะกรรมการเขตแดน มันก็อยู่ที่ว่าของฝ่ายไทยเรามีใครไปเป็นและมีความรอบรู้เรื่องเขตแดนขนาดไหน แต่เขมรเขาเตรียมการมาแล้ว ถึงมีการสร้างเรื่องสร้างราวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วปลายปี 67 นี่พูดถึงJBC ส่วนมากคณะกรรมการของฝั่งไทยจะเป็นโดยตำแหน่งของข้าราชการ ประเด็นตำแหน่งของข้าราชการของไทย ทำในตำแหน่งได้ไม่นาน ก็อาจจะมีการโยกย้าย เราก็มาดูว่าจะเป็นใคร แต่การแถลงการณ์ของประเทศไทยก็ถือว่าเป็นทางออกที่อาจจะทำให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยลง แต่เราก็ต้องรอดูวันที่ 14 มิถุนายน 68 ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ก่อนที่จะถึงการประชุม JBC จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่สงบก่อนไหม?

พล.ท.กนก กล่าวว่า คิดว่าน่าจะยังไม่มี ถ้าจะมีก็อาจจะอยู่ในห้วงของเวลาที่ส่งเรื่องไปศาลโลก ถ้าส่งไปศาลโลกก็อาจจะมีเหตุการณ์ มันก็อาจจะซ้ำรอยเหมือนเหตุการณ์ประสาทพระวิหาร

กระแสข่าวที่ว่าทางด้านของกัมพูชา มีการวางระเบิดบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ซึ่งเราก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงไหม ตรงนี้มีประเด็นอะไรไหมที่เราต้องขีดเส้นใต้ ?

พล.ท.กนก กล่าวว่า เคยมีในปี 51 ทางฝั่งของกัมพูชาก็ได้มาวางระเบิดที่แนวลำห้วยจามเลีย ทางด้านทหารพรานของไทยเข้าไปเพื่อที่จะเจรจาผลักดัน เพราะกัมพูชาเข้ามาอยู่ที่พราอินทรีย์ เข้าไปก็ไปเหยียบระเบิดขาขาด เราต้องเอาเจ้าหน้าที่ของ UN เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ก็ได้ทุนระเบิดมาอีก 2-3 ทุ่น ก็ส่งเรื่องไปที่ทาง UN ให้เขารับทราบ ว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ เพราะว่าทางด้านกัมพูชาผิดกฎสนธิสัญญาในเรื่องทุ่นระเบิดกับระเบิด เพราะว่าในสัญญาจะไม่มีการนำมาใช้ มีแต่การเก็บกู้ แต่ฝั่งกัมพูชาก็ยังนำมาใช้

 

 

ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาแถลงว่าทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด ทำให้ไทยไปเหยียบ เรื่องนี้ก็ทำให้ฮุนเซนโกรธสั่งยิง เหตุยิงประมาณกลางเดือน และเป็นการยิงเข้ามาในฝั่งไทย

ทางกัมพูชาอ้างว่าตรวจเจอโดรนที่ฝั่งไทยเราส่งไปสอดแนม คิดว่าเป็นเรื่องที่สร้างสถานการณ์ขึ้นมาหรือเปล่า ?

พล.ท.กนก กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ เพราะว่าฝ่ายเราก็มั่นใจว่าไม่ได้ส่งเข้าไป การสร้างสถานการณ์นี้อาจจะเพราะอยากจะปลุกระดมให้คนเขมรขึ้นมามีความรักชาติ เพราะเขาก็อาจจะทำทุกครั้ง มันก็อยู่ที่สถานการณ์ทางการเมืองของ กัมพูชา สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของ กัมพูชา ว่าเป็นยังไงเป็นเรื่องภายในของ กัมพูชา

พล.ท.กนก กล่าวต่อว่า ถ้าให้มองภาพรวมของสมเด็จฮุนเซนคงต้องย้อนกลับไปดูที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราต้องวิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือตั้งแต่ปลายปี 67 มันก็จะเริ่มที่ปราสาทตาเมือนธม ที่ขึ้นมาร้องเพลง ทั้งประชาชนและทหาร แล้วเอาไปเผยแพร่ทางสื่อ นี่คือการแสดงความชอบธรรมว่าที่ตรงปราสาทตาเมือนธมนั้น เป็นดินแดนของ กัมพูชา กัมพูชาถึงกล้าทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ และก็มีการกระทบกระทั่งกับทหารไทย

สถานการณ์ต่อมาได้มีการเผาศาลาศรีมุข เมื่อช่วงประมาณเดือนกุมภา-มีนาคม ไล่เหตุการณ์ต่อมาก็ได้มีการขึ้นมาขุดคูเลตที่ช่องบก ซึ่งการขุดคูเลต เป็นการแสดงว่า กัมพูชา เข้ามาวางกำลัง เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ไทยผ่านเข้าไป

หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ได้มีการประทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา จนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ซึ่งทางด้านทหารของไทยเรามีกฏอยู่ว่าเราจะไม่ยิงข้าศึกก่อน นอกจากเขายิงมาใส่เราก่อน เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยว่าทางฝั่งของกัมพูชาเปิดศึกยิงเราก่อน และตัวผมก็เคยเจอสถานการณ์แบบนี้แทบตลอดตอนที่อยู่ประจำปราสาทพระวิหาร การที่ยิงทุกครั้งฝั่งของกัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน

พล.ท.กนก กล่าวว่า เรายึดถือแผนที่ 1:50,000 ที่เรามีอยู่ ถ้าไทยไม่เล่นด้วยกับกัมพูชา เรื่องการยื่นเรื่องศาลโลก ก็อาจจะทำอะไรไม่ได้เพราะว่าศาลโลกต้องพิจารณาโดยทั้งสองฝ่ายยอมรับ ศาลโลกถึงจะรับเรื่องไว้พิจารณา อาจจะทำให้รัฐบาลไทยก็เลยมาออกเรื่องการประชุมเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา

และถ้าย้อนไปดูคำตัดสินของศาลโลกเมื่อ 2556 ข้อ 98 ระบุว่าเขตประเทศของกัมพูชา 1:200,000 เป็นยังไง แต่ข้อ 99 ต้องให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันจนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ตกลงกัน แต่ว่าพื้นที่ กัมพูชาเขาคุมพื้นที่ไทยเราคุม ซึ่งทางด้านกัมพูชาพื้นที่ 1:200,000 ส่วนไทยอ้างพื้นที่ 1:50,000 ที่ต่างกันก็คือเส้นแบ่งไม่ตรงกัน ถ้าไล่ดูแผนที่ตามของทางกัมพูชาทำมาจากสนธิสัญญาปี ค.ศ 1904 (ฝรั่งเศส) เส้นเขตแดนนั้นต้องอยู่บนสันปันน้ำ ในแผนที่ตรงนี้สามารถนำมาพิสูจน์ตรงที่เขาพระวิหารได้ เพราะว่าไม่ได้อยู่บนสันปันน้ำเพราะลักษณะของเขาพระวิหาร เราจะอยู่ทิศเหนือปราสาทพระวิหารจะอยู่ทางทิศใต้เวลาเราจะเข้าไปถ้าคนเคยขึ้นไป ต้องเดินขึ้น เราต้องไต่บันไดเดิน ลักษณะของลาดเขาทางทิศตะวันออกกับทิศใต้จะเป็นหน้าผา ส่วนทางทิศตะวันตกจะลาดเอียงลงไปสู่ห้วยซามเลีย ทางทิศเหนือก็จะลงมาสู่ห้วยตานี ตรงห้วยตานีก็จะมีประตูเหล็กกั้น เวลาที่จะขึ้นผ่านเข้าไป ภาพมันก็จะเป็นแบบนี้ น้ำของสองห้วยนี้ไหลเข้ามาในประเทศไทย แล้วถามว่าสันปันน้ำมันจะข้ามมาอยู่ด้านผามออีแดงได้อย่างไร เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว ปราสาทพระวิหารน้ำมันไหลมาลงสองห้วยมันต้องเป็นของไทยถ้าตามสนธิสัญญาจริง

แล้วทำไมทางด้านกัมพูชาถึงย้ายมาช่องบกอีก ?

พล.ท.กนก กล่าว เส้นช่องบกก็จะมีเส้น 1: 200,000 กับ 1:50,000 ไม่ตรงกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"จตุพร" เรียกร้องรัฐบาล รับผิดชอบปมชายแดนไทย-กัมพูชา หลังสูญเสียทหาร-ปชช. "พิชิต" แท็กทีม จี้ "นายกฯอิ๊งค์" พิจารณาตัว คุย "ฮุน เซน" คลิปเสียงหลุด
"ผอ.พยาบาลรามาฯ" โพสต์ประกาศ พร้อมรับลูกนายทหารสละชีพ เรียนพยาบาลโควตาพิเศษ ไม่ต้องสอบเข้า
"ผู้ว่าฯร.ฟ.ท." ยันตรวจสอบชัดเจน ปมเขากระโดง รออธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เพิกถอนโฉนด
"รมว.ปุ๋ง" รุดให้กำลังใจผู้อพยพ เหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ศูนย์พักพิงโคราช กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มดูแลกลุ่มเปราะบาง พร้อมช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ
วธ. จัดพิธีปล่อยขบวนรถศาสนิกสัมพันธ์ร่วมใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย-ผู้ได้รับผลกระทบ เหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา
"GULF" มอบเงิน 18 ล้าน หนุน รพ.จุฬาฯ จัดหาเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล ให้สำเร็จเป็นแห่งแรกในอาเซียน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​