หลี่ระบุว่าเมื่อ 70 ปีก่อน โลกยืนอยู่บนทางแยกของประวัติศาสตร์ ท่ามกลางความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากันทั่วโลก จีนและอินโดนีเซีย ร่วมกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียและแอฟริกา ได้รวมตัวกันที่บันดุง และร่วมกันหล่อหลอมจิตวิญญาณแห่งบันดุง อันมุ่งสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว มิตรภาพ และความร่วมมือ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ (South-South Cooperation) พร้อมผลักดันโลกไปสู่ทิศทางการพัฒนาเชิงบวก
.
หลี่ระบุว่า 70 ปีต่อมา โลกเรายืนอยู่บนทางแยกสำคัญอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนและปั่นป่วน พร้อมๆ กับการกีดกันทางการค้า และการใช้อำนาจกลั่นแกล้งรังแกกำลังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ คุณค่าแห่งจิตวิญญาณบันดุงในยุคปัจจุบันจึงยิ่งมีความโดดเด่น
.
หลี่เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเดินตามแนวโน้มใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ ยึดหลักการแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แก้ไขความขัดแย้งผ่านการปรึกษาหารือ ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันผ่านความร่วมมือ และบรรลุการพัฒนาและความมั่งคั่งผ่านการร่วมกันสร้างและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน
.
จีนและอินโดนีเซียยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งบันดุงอย่างสม่ำเสมอ ในการผลักดันความร่วมมือในทางปฏิบัติอย่างรอบด้าน โดยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างจีนและอินโดนีเซียได้ก้าวไปสู่จุดสูงใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การชี้แนะเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำของทั้งสองประเทศ
.
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอินโดนีเซียยังแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยการค้าระหว่างสองประเทศที่ขยายตัวทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ การลงทุนสองทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และโครงการความร่วมมือขนาดใหญ่ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเด่นชัด ก่อให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้
.
หลี่ย้ำว่าปี 2568 นี้ เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางความท้าทายจากภายนอกที่เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนภายในประเทศที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตอันมหาศาลของจีน
.
หลี่ระบุว่าจีนยังมีพื้นที่อีกมากสำหรับการปลดปล่อยอุปสงค์หรือความต้องการ ปัจจุบันจีนกำลังดำเนินยุทธศาสตร์เพื่อขยายความต้องการภายในประเทศ พร้อมทั้งเปิดตัวมาตรการเฉพาะด้านเพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพของตลาดในประเทศที่มีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้ จีนยังมีศักยภาพมหาศาลในด้านการเสริมพลังด้วยเทคโนโลยี หลี่ระบุว่าจีนยังคงสร้างความก้าวหน้าในการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ ชีวเภสัช และสาขาอื่นๆ ที่กำลังเร่งการผสานเข้ากับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อันจะสร้างโอกาสใหม่ๆ ในความร่วมมือด้านนวัตกรรมและการลงทุนแก่ธุรกิจทั่วโลก หลี่ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการยกระดับอุตสาหกรรม โดยจีนกำลังมุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านของภาคผลิตไปสู่การผลิตระดับสูง เน้นความอัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันได้เพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบระเบียบ และจะเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับโลกโดยร่วมมือกับประเทศอื่นๆ
.
หลี่ระบุว่าจีนพร้อมที่จะแบ่งปันพื้นที่การเติบโตที่เพิ่มขึ้นและโอกาสการพัฒนากับทุกประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และจีนยังคงมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการเปิดกว้างให้กว้างขึ้นต่อทั่วโลก โดยจีนจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับบริษัทต่างชาติในการมาลงทุนและดำเนินกิจการในจีน
.
ทั้งนี้ หลี่แสดงความหวังว่าชุมชนธุรกิจของจีนและอินโดนีเซียจะเพิ่มการเชื่อมต่อและดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่มีประสิทธิผลมากขึ้นในหลากหลายสาขาระหว่างสองประเทศ
.
ด้านปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียและจีนเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ทวิภาคีเชิงทธศาสตร์และมีแนวโน้มดีที่สุดในศตวรรษที่ 21 โดยอินโดนีเซียพร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับจีนในด้านเศรษฐกิจและการค้า อุตสาหกรรม เศรษฐกิจสีเขียว ตลอดจนวิทยาศาสตร์และการศึกษา เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมว่าอินโดนีเซียยินดีต้อนรับบริษัทจีนในการลงทุนและทำธุรกิจในอินโดนีเซีย และขยายขอบเขตความร่วมมือกับอินโดนีเซียต่อไป
.
ปราโบโวระบุว่าอินโดนีเซียชื่นชมบทบาทสำคัญของจีนในกิจการระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อสืบสานจิตวิญญาณแห่งบันดุง รักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย ปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา และรักษาความเสมอภาคและความยุติธรรมระหว่างประเทศ
เครดิต: ซินหัว