“นฤมล” รุก 3 มาตรการคุมเข้มคุณภาพสินค้าผลไม้ไทย วาง 5 แนวทางบริหารจัดการผลผลิตช่วงฤดูกาล

"นฤมล" รุก 3 มาตรการคุมเข้มคุณภาพสินค้าผลไม้ไทย วาง 5 แนวทางบริหารจัดการผลผลิตช่วงฤดูกาล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจัดกิจกรรมนายกรัฐมนตรีพบปะผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า ช่วงฤดูกาลผลไม้ ปี 2568 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้คุมเข้มคุณภาพสินค้าให้มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย โดยดำเนินการผ่านคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ซึ่งได้บริหารจัดการผลไม้ฤดูการผลิต ปี 2568 เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยผลิตผลไม้ คุณภาพได้มาตรฐานสู่ตลาดสากล ผ่าน 3 มาตรการ คือ

 

 

มาตรการที่ 1 ส่งเสริมการปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิตผลไม้ โดยการยกระดับคุณภาพ บรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการผลิตระดับสวน ตามมาตรการ GAP รวมถึงบริหารจัดการสภาพอากาศ ธาตุอาหาร น้ำ โรค แมลงศัตรูพืช

มาตรการที่ 2 เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม กำกับคุณภาพมาตรฐานสุขอนามัยพืช ตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่แปลงผลิต ล้ง ตลอดจนกระบวนการส่งออก กระจายตัวของผลผลิต โดยบริหารจัดการยืดระยะเวลาการออกผลสู่ตลาดนานขึ้น ทำให้ตลาดไม่กระจุกตัว มีข้อมูลในการวางแผนที่แม่นยำขึ้น ช่วยบริหารตลาดได้ดียิ่งขึ้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

มาตรการที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพกลไกตลาดสินค้าผลไม้ เน้นการทำงานแบบบูรณาการโดยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคีเกษตรกร ภายใต้ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ซึ่งได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษามาตรฐานและยกระดับสินค้าเกษตรไทยอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมามีแผนติดตามและบริหารความเสี่ยงในการดำเนินงานบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ในช่วงพฤษภาคม – มิถุนายน ที่กำลังจะออกผลผลิตสู่ท้องตลาด ได้แก่ เตรียมการบริหารจัดการน้ำ การควบคุมผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ป้องกันการสวมสิทธิ์ การเพิ่มประสิทธิภาพห้องปฏิบัติการตรวจรับรองผล การสุ่มตรวจคุณภาพผลไม้อย่างเข้มข้น การส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกษตรกรเตรียมการรับมือภัยแล้งและพายุฤดูร้อน (Climate Change) และประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริโภคผลไม้ในประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างแดนและข้ามแดน เป็นต้น

 

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังดำเนินการผ่าน 5 แนวทาง ได้แก่ แนวทาง 1 บริหารจัดการผลผลิตโดยวางแผนการกระจายตัวของผลผลิต ใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการ ยืดระยะเวลาการออกผล ทำให้ตลาดไม่กระจุกตัว ส่งผลให้ผลผลิตภาคตะวันออกและภาคใต้ไม่เกิดการกระจุกตัว แนวทาง 2 ควบคุมคุณภาพตั้งแต่แปลงปลูก ยกระดับมาตรฐาน GAP สำหรับทุเรียน ตั้งจุดบริการตรวจก่อนตัด ป้องกันทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาด แนวทาง 3 การบริหารจัดการกลุ่มเกษตรกร เพิ่มบทบาทแปลงใหญ่และสหกรณ์ในการควบคุมปริมาณและคุณภาพผลผลิต แนวทาง 4 การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร จัดเกรดผลไม้ สำหรับผลผลิตที่ตกเกรด นำไปแปรรูป เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เช่น ฟรีซดราย หรือนำไปสกัดทางเภสัชกรรม แนวทาง 5 การเพิ่มช่องทางการตลาด ส่งเสริมช่องทาง e-Commerce สำหรับเกษตรกร

 

 

ด้าน นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะเลขาคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์การผลิตผลไม้ 4 ชนิด ได้แก่ ลำไย มะม่วง ทุเรียน และมังคุด ในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปี 2568 ที่มีจำนวน 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 2.78 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 22%

โดย ลำไย ในภาคเหนือ ปี 2568 คาดว่ามีปริมาณ 1.64 ล้านตัน และลำไยในภาคตะวันออกคาดว่าปริมาณผลผลิต 2.1 แสนตัน และผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 60% ในเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน

มะม่วง ในภาคเหนือ ปี 2568 คาดว่ามีปริมาณ 1.08 แสนตัน โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุด 50% ในเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม ส่วนมะม่วงในภาคตะวันออกคาดว่าปริมาณผลผลิต 33,000 ตัน และออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 60% ในเดือนพฤษภาคม

 

ทุเรียน ในภาคตะวันออก ปี 2568 คาดว่ามีปริมาณ 8.71 แสนตัน โดยผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 55% ในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน และทุเรียนในภาคใต้คาดว่าปริมาณผลผลิต 7 แสนตัน และผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 70% ในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม

มังคุด ในภาคตะวันออก ปี 2568 คาดว่ามีปริมาณ 2.58 แสนตัน โดยผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 70% ในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน และทุเรียนในภาคใต้คาดว่าปริมาณผลผลิต 1.47 แสนตัน และผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดถึง 50% ในเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ ปริมาณผลผลิตไม้ผลทั้ง 4 ชนิด ในปีนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและสภาพอากาศแปรปรวน ปริมาณผลผลิตน้อย จึงทำให้ได้พักต้นสะสมอาหาร สภาพต้นสมบูรณ์พร้อมออกดอกติดผลได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับปีนี้สภาพอากาศหนาวเย็น เอื้ออำนวยต่อการออกดอกและติดผล โดยผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้นทั้ง 4 ชนิด ประกอบกับทุเรียนที่ปลูกในระยะหลายปีที่ผ่านมา เริ่มให้ผลผลิตเป็นปีแรกเพิ่มขึ้น จำนวน 72,908 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.69

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เขมรไม่หุบปาก "ทูตกัมพูชา" ประจำยูเอ็น ใช้เวที ExCom ปราศรัยดราม่า กล่าวหาไทยรุกราน พยายามแย่งชิงดินแดน
"ครูแก้ว" นำทัพบุญใหญ่ ยอดกฐินทะลุ 1.7 ล้านบาท สร้างเมรุบ้านท่าบ่อ
ททท.สำนักงานเชียงใหม่ เปิดทิศทางการตลาดท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2569
ลำพูน สโมสรโรตารีนครหริภุญชัย ร่วมโรงเรียนรพีเลิศวิทยา จัดกิจกรรม UNITE FOR GOOD ปล่อยปลา ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันนวมินทรมหาราช
ฉะเชิงเทรา สังเกตการณ์รับมอบวัสดุเลือกตั้งนายก อบต.โพรงอากาศ จ.ฉะเชิงเทรา
ส.ส.เป้า ขีดเส้นการเมืองก่อนตัดสินใจย้ายพรรค แย้ม มี 3 พรรคเป็นทางเลือก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​