จากกรณีมีการเผยแพร่ภาพกลุ่มการ์ด ม็อบรีเดม นั่งรวมกลุ่มกัน ขณะเดียวกันพบว่ามีขวดยา ซึ่งจากการตรวจสอบ เป็น ยาโปรโคดิ้ว ยาทรามาดอล หากผสมรวมกับน้ำอัดลม แล้วรับประทานเข้าไปจะมีอาการมึนเมา และเมื่อภาพดังกล่าวได้เผยแพร่ลงโซเชียล กลับมีกระแสวิพาษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถึงพฤกติกรรมความไม่เหมาสมต่างๆ
วันนี้(3เม.ย.) ทีมข่าวTop News ได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เกี่ยวกับการใช้ยาทั้ง 2 ชนิด ผสมกับน้ำอัดลม เข้าข่ายยาเสพติด หรือมีความผิดหรือไม่นั้น จริงๆแล้วยาทั้ง 2 ชนิดที่กล่าวมา ยังไม่ถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติด และไม่มีวัตถุออกฤทธิ์ คาดว่าจะอยู่ในกลุ่มของยาอันตราย หรือยาที่จะต้องเฝ้าระวัง หรือยาที่จะต้องควบคุมการซื้อขายในปริมาณที่จำกัด ตามขั้นตอนของกระทราวงสาธารณสุข จึงยังไม่เข้าข่ายความผิด หรือจะต้องดำเนินคดีแต่อย่างใด
สำหรับ ยาดังกล่าวมีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน แก้อาการปวดในระดับกลางถึงรุนแรง แพทย์จะสั่งจ่ายให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ที่ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดได้จากการใช้ยาแก้ปวดจำพวกพาราเซตามอล หรืออื่นๆทั่วไป นอกจากใช้ยาตัวนี้เดี่ยวๆ แล้ว อาจมีการใช้ร่วมกันกับยาแก้ปวดตัวอื่น เพื่อให้ออกฤทธิ์แก้ปวดได้ดียิ่งขึ้น แต่ด้วยความที่ทรามาดอลเป็นยาแก้ปวด จึงมีฤทธิ์กดการทำงานของประสาท มีผลทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุข คล้ายกันกับการใช้มอร์ฟีน แต่จะมีความแรงน้อยกว่ามอร์ฟีนประมาณ 10 เท่า เลยทำให้ยาทรามาดอล ไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของยาเสพติดให้โทษเหมือนมอร์ฟีน แถมยังสามารถจำหน่ายตามร้านขายยาได้
อย่างไรก็ตาม หากนำตัวยาดังกล่าวไปกินผสมกับโค้ก จากฤทธิ์ของยาตัวนี้ทำให้มึนเมา มีอาการเคลิ้มสุข จึงทำให้เหล่าวัยรุ่น นำไปประยุกต์ให้ตัวเองได้เมาเคลิ้ม และเกิดความฮึกเหิม จนไปก่ออาชญากรรม “ลัก วิ่ง ชิง ปล้น” เรียกได้ว่าถ้าใช้ผิดก็เสี่ยงเข้าไปอยู่ในคุก เพราะอีกทางหนึ่งหากใช้ยาแรงเช่นนี้ไปนานๆ จะมีผลกระทบข้างเคียงอันตรายถึงชีวิต