CNN, BBC และ AFP รายงานว่าระหว่างการประชุมประจำปีผู้ถือหุ้นกลุ่มบริษัทเบิร์เชียร์ แฮธะเวย์ (Berkshire Hathaway) ที่เมืองโอมาฮ่า รัฐเนบราสก้า ของสหรัฐเมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 3 พค.) วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้ประกาศจะยุติบทบาทประธานบริหารหรือซีอีโอของบริษัทภายในสิ้นปี 2568 นี้ โดยจะส่งไม้ต่อให้เกร็ก เอเบิล รองประธานขึ้นเป็นซีอีโอแทน ซึ่งการประกาศลาออกของบัฟเฟตมีขึ้นแบบไม่คาดฝัน แม้แต่เอเบิลซึ่งนั่งอยู่ข้างๆบัฟเฟตต์เองก็ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน
บัฟเฟตต์ซึ่งอยู่ในวัย 94 ปีกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่เอเบิลจะขึ้นมานั่งเก้าอี้ซีอีโอเสียที หลังจากที่วางตัวเอาไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่บัฟเฟตต์ไม่เคยพูดว่าจะลงจากตำแหน่งเมื่อไร มีแต่ลูกๆสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องการประกาศลาออกครั้งนี้ บัฟเฟตต์ยังให้คำมั่นด้วยว่าแม้ว่าจะลงจากตำแหน่ง เขาก็จะไม่ขายหุ้นของเบิร์กเชียร์ แฮธะเวย์ให้ใครแม้แต่หุ้นเดียว ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 4 หมื่นคนพร้อมใจลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับบัฟเฟตต์ ซึ่งในจำนวนนี้บุคคลชื่อดังรวมอยู่ด้วยหลายคน รวมทั้งฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ, ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล และบิล เกตซีอีโอของไมโครซอฟต์
ทั้งนี้บัฟเฟตต์กล่าวว่า เขาจะยังคงนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทจนกว่าจะเสียชีวิต จากนั้นโฮเวิร์ด บัฟเฟต ลูกชายจะเข้ามาเป็นประธานแทน
ระหว่างการประชุม บัฟเฟตต์ยังวิจารณ์นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ โดยกล่าวว่า ”การค้าไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ” บัฟเฟตกล่าวว่าเมื่อการกระทำของคุณมีคนไม่ชอบมากถึง 7.5 พันล้านคนก็แสดงความผิดพลาดแล้ว และว่าสหรัฐควรจะเดินหน้าทำการค้ากับประเทศต่างๆทั่วโลก สหรัฐควรทำในสิ่งที่เคยทำได้ดี ขณะที่ประเทศอื่นก็ทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีเช่นกัน และว่ากำแพงภาษีและนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนส่งผลด้านลบต่อธุรกิจและการลงทุนทั่วโลก ซึ่งผลประกอบการของเบิร์กเชียร์ แฮธะเวย์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ก็ร่วง’ถึง 14%
ด้านทิม คุก ซีอีโอแอปเปิลได้โพสต์ผ่าน x ยกย่องบัฟเฟตต์ว่าเป็นนักธุรกิจในตำนาน และไม่มีใครที่จะมาแทนที่บัฟเฟตต์ได้ และว่าบัฟเฟตต์ถือเป็นตัวอย่างนักธุรกิจที่สร้างแรงบันดาลใจกับนักธุรกิจหลายคนทั่วโลก รวมทั้งตัวเขาเอง
บัฟเฟ็ตต์หาเงินเองตั้งแต่วัย 6 ขวบ ซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ขวบแม้โตขึ้นมาจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดและเป็นหนึ่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เขาใช้ชีวิตแบบสมถะ อยู่บ้านหลังเดิมหลังเล็กๆที่เมืองโอมาฮามาตลอดกว่า 65 ปี และยังบริจาคเงินให้เป็นการกุศลแก่องค์กรสาธารณะเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
บัฟเฟตต์ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธะเวย์ ขึ้นมาจากโรงงานสิ่งทอที่ใกล้ล้มละลายในปี 2508 พัฒนาจนกลายเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ มีมูลค่าการลงทุนมูลค่าสูงกว่า 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีบริษัทในเครือมากกว่า 60 บริษัท รวมทั้งแดรี่ควันและบริษัท่ผลิตแบตเตอรี่ดูราเซล ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ขณะที่ความสามารถในการพูดและอธิบายอย่างชัดเจน และชัดถ้อยชัดคำก็ช่วยทำให้บัฟเฟตต์เป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลในหมู่นักธุรกิจและการเงินจนได้รับฉายาว่า “นักทำนายแห่งโอมาฮา”