“ดร.หนุ่ม” วัย 38 ปี ร้องถูกแก๊งคอลฯ บังคับคุยโทรศัพท์ 7 วัน 7 คืน สูญเงิน 8.5 ล้าน

"ดร.หนุ่ม" วัย 38 ปี ร้องถูกแก๊งคอลฯ บังคับคุยโทรศัพท์ 7 วัน 7 คืน สูญเงิน 8.5 ล้าน

วันนี้ 1 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด เขตสายไหม ดร.ศิวัช มโนมัยสันติภาพ วิศวกร อายุ 32 ปี เดินทางเข้าร้องทุกข์หลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์บังคับให้โอนเงินกว่า 8 ล้านบาท ในห้วงเวลา 7 วันโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

 

ดร.ศิวัช เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ แจ้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเปิดบัญชีม้า ต่อมาได้ให้แอดไลน์พร้อมเปิดกล้องในการสื่อสารก่อนจะส่งเอกสารการอายัดพร้อมบอกว่าให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยให้อยู่ภายในห้องหรือในพื้นที่ที่ไม่มีบุคคลอื่นเข้ามาร่วมรับฟัง ทำให้ตนรู้สึกตกใจเพราะปลายสายบอกว่าหากไม่ทำตาม จะถูกอายัดทรัพย์สินทั้งตนและคนในครอบครัวทั้งหมด จึงยอมกระทำตามคำสั่งของปลายสาย ซึ่งพฤติการณ์คือ ได้ให้ตนคุยกับบุคคลแรกที่เป็นผู้หญิงแล้วหลังจากนั้นก็จะสายต่อให้สายต่อๆ ไปเรื่อยๆ

 

 

ซึ่งการถือสายในการพูดคุยครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนโดยห้ามวางสาย และให้โอนเงินออกไปเรื่อยเรื่อยในบัญชีที่แตกต่างกัน ซึ่งนายศิวัชบอกว่าตนได้โอนเงินไปทั้งหมดรวม 8,465,084 บาท จากทั้งหมด 5 บัญชี 4 ธนาคาร รวม 11 ครั้ง นอกจากนี้ยังบอกให้นายศิวัช เดินทางไปที่หาดใหญ่ เพื่อนำสลากออมสินมาเพื่อแปลงเป็นเงินโอนให้อีกด้วย โดยตลอดการเดินทางก็ยังคงให้ค้างสายตลอด แต่จะมีช่วงที่ขึ้นเครื่องบินเท่านั้นที่สายจะถูกตัดไป แต่ก็ให้รายงานทุกครั้งที่เดินทาง

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อสอบถามว่าทำไมถึงไม่เอะใจถึงพฤติกรรมดังกล่าว นายศิวัช บอกว่า ตนไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลา 9 ปี ซึ่งไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนกระทั่งกลับมาถึงที่ประเทศไทยและอาศัยอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ปี ก็พบว่าตลอดระยะเวลาที่อาศัยในประเทศไทยนั้น ก็มีเบอร์มิจฉาชีพโทรเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง แต่ตนก็จับได้ทุกครั้งแต่ในครั้งนี้กลับมีความแนบเนียนในการหลอกลวง และด้วยความกลัวตนจึงต้องทำตามอีกฝ่ายที่ได้ข่มขู่มา

นายศิวัชยังบอกว่า ยังโชคดีที่คอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้พยายามจะให้ตน นำโฉนดคอนโดมูลค่ากว่า 7 ล้านบาทไปจำนองเพื่อนำเงินโอนไปให้ แต่การจำนองไม่ผ่าน ปลายทางจึงไม่ต้องการอีกต่อไป

 

 

ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้เปิดเผยหลังจากที่รับฟังเรื่องราวดังกล่าวว่า ทางเพจฯ จะประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป

ซึ่งอยากจะฝากเตือนไปถึงพี่น้องประชาชนว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไปที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ยังมีบุคคลที่เป็นทั้งด๊อกเตอร์ และผู้คุมกฎหมายโดนด้วยเช่นเดียวกัน จึงอยากฝากถึงรัฐบาลได้ทำการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์พวกนี้ให้หมดไปโดยเร็วที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เจ้อเจียงเปิดตัว 'แพลตฟอร์มท่องเที่ยว' พลัง AI
กกล.บูรพา รวบ 2 สาวไทย อ้างถูกหลอกทำงานปอยเปต เบื้องหลังรับจ้างข้ามแดนเปิด "บัญชีม้า-สแกนหน้า" ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
“50 ปีไม่มีแก่” คำนี้ไม่มีอยู่จริงสำหรับคุณอาร์ต วศิน วรรณพฤกษ์ ผู้บริหารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
ศน. ต่อยอดกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ “ตักบาตรทางน้ำริมคลองข้าวตอก จังหวัดพิจิตร” ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนเข้าวัด น้อมนำหลักธรรมดำเนินชีวิต
รมว.คลัง โต้ลือ "สหรัฐ" ตัดสินใจเก็บภาษีไทย 36% แจงเร่งยื่นข้อเสนอใหม่ก่อน 9 ก.ค. นี้
"ศิริโชค" อดีตสส.สงขลา โพสต์อัปเดต จับมือลอบเผารถยนต์ได้แล้ว เร่งขยายผลผู้จ้างวาน ไม่หวั่นอิทธิพลมืด
เหยื่อร้อง Top News ถูกตัวแทนนายหน้าประกัน โกงค่าสินไหมอุบัติเหตุกว่าแสน เชื่อทำเป็นขบวนการ
"จีน-เมียนมา-ไทย" เห็นพ้อง ร่วมมือยกระดับกวาดล้างเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เมืองเมียวดี
“นันทิวัฒน์” ตอกย้ำเขมร ปราสาท “ตาเมือนธม” เป็นของไทยตั้งแต่อดีต ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อกัมพูชา
เจอแล้ว! “รั้วกั้น-หมุดหลักเขต” นับ 100 หมุด ชี้ชัด 3 ปราสาทอยู่ในแผ่นดินไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น