ไทมส์ ออฟ อิสราเอล รายงานโดยอ้างสถานีโทรทัศน์ อัล -ฮาดัท ในซาอุดีอาระเบียอีกต่อหนึ่ง ว่า สหรัฐอเมริกาจัดส่งระบบป้องกันทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง หรือ ธ๊าด (THAAD) ไปติดตั้งที่อิสราเอลเป็นชุดที่สอง โดยคาดว่าจัดส่งไปถึงแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ( 5 เมษายน)
ข้อมูลจากเวบไซต์ติดตามเที่ยวบิน แสดงให้เห็นว่า เครื่องบิน C-5M ซูเปอร์ แกแลกซี่ ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ออกเดินทางจากฐานทัพอากาศ รัมชไตน์ ในเยอรมนี ลงจอดที่ฐานทัพอากาศ เนวาทิม ในทะเลทรายเนเกฟ ทางตอนใต้ของอิสราเอล และคงอยู่ที่สนามบิน ประมาณ 8 ชั่วโมง จึงขึ้นบินอีกครั้ง
สหรัฐฯส่ง THAAD ชุดแรกไปให้อิสราเอล เมื่อตุลาคมปีที่แล้ว พร้อมทหารประมาณ 100 คนเพื่อปฏิบัติงานกับระบบป้องกันภัยสุดล้ำ ที่สามารถป้องกันภัยทางอากาศครอบคลุมพื้นที่กว้าง และยิงสกัดเป้าหมายในระยะทำการ 150 – 200 กิโลเมตร คล้ายกับระบบ แอร์โรว์ ของอิสราเอล
รายงานระบุว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ระบบธ๊าดในอิสราเอล ถูกใช้ยิงสกัดกั้นขีปนาวุธหลายลูกที่กลุ่มฮูตียิงจากเยเมน เข้าไปโจมตีในอิสราเอล
ส่วนที่เกาหลีใต้ สำนักข่าว ยอนฮัพ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯและเกาหลีใต้เห็นพ้องกัน เกี่ยวกับแผนการย้ายระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดพื้นสู่อากาศ แพทริออต แพ็ค-3 บางส่วน ( Patriot Advanced Capability-3) ไปตะวันออกกลางเป็นการชั่วคราว ยอนฮัพ ระบุว่าเป็นครั้งแรกที่มีการโยกย้ายสินทรัพย์ของกองกำลังสหรัฐในเกาหลี หรือ USFK ไปตะวันออกกลาง ท่ามกลางความวิตกว่า สหรัฐฯอาจเรียกร้องให้รัฐบาลโซล แบกรับค่าใช้จ่ายในการคงกองกำลังทหารสหรัฐฯ หรือทบทวนบทบาทของทหารสหรัฐฯในเกาหลีใต้
แพทริออต เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธหลายชั้น ที่เกาหลีใต้ใช้ต้านภัยคุกคามจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ความเคลื่อนไหวที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีขึ้นหลังจาก NBC นิวส์ รายงานเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า พีท เฮกเสธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มีคำสั่งให้โยกระบบแพทริออต อย่างน้อย 2 ชุด จากเอเชีย ไปยังตะวันออกกลาง โดยเป็นส่วนหนึ่งของระดมสรรพกำลังอาวุธครั้งใหญ่ไปยังภูมิภาคดังกล่าว ขณะที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังปฏิบัติการโจมตีฮูตี และยังมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามกดดันอิหร่าน เจรจาทำความตกลงโครงการนิวเคลียร์ โดยทรัมป์ บอกล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วว่า ต้องการเจรจากับอิหร่านโดยตรงมากกว่าทางอ้อม เพราะจะเดินหน้าได้เร็วกว่า และเข้าใจอีกฝ่ายได้ดีกว่าการสื่อสารผ่านคนกลาง
แต่นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวที่กรุงเตหะราน วันนี้ (6 เมษายน) ว่าการเจรจาโดยตรง จะไร้ความหมาย หากอีกฝ่ายยังขู่ใช้กำลัง และละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติอยู่ตลอดเวลา อิหร่านยังยึดมั่นกับการทูต และพร้อมจะพยายามเจรจาแบบทางอ้อม แต่ขณะเดียวกัน ยังคงเตรียมพร้อมรับทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตย
ด้าน ประธานาธิบดี มาซู้ด เปเซชเคียน แห่งอิหร่าน กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 เมษายน) ว่า อิหร่านพร้อมเจรจากับสหรัฐฯด้วยฐานะเสมอกัน แต่สงสัยในความจริงใจของสหรัฐฯ เพราะหากต้องการเจรจาแล้วทำไมยังขู่คุกคาม
ภาพ wikipedia
