บอร์ด กคพ. มีมติเสียงข้างมาก รับปมฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ

“ภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะ ถก กคพ. ปม ฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ เปิดให้อนุกรรมการฯ รายงานที่ประชุม ขณะที่กรรมการฝั่งตำรวจ 3 คนขาดประชุม “ปลัดคลัง-มท.” ส่งตัวแทนร่วม

บอร์ด กคพ. มีมติเสียงข้างมาก รับปมฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ – Top News รายงาน

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น.ที่กระทรวงยุติธรรม มีการประชุมคณะกรรมการพิเศษ หรือ กคพ.ครั้งที่ 3/2568 เพื่อพิจารณาคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน กคพ.เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งเมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง ได้บอกกับสื่อมวลชนสั้นๆ ต้องรอฟังมติที่ประชุมก่อน หลังจากประชุมจะออกมาแถลงข่าวแน่นอน ขณะที่บรรยากาศได้มีกลุ่ม อดีต ผู้สมัคร สว.และ สว.สำรอง ราว 50 คน ได้มารวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ชูป้ายมีข้อความให้กำลังใจกรมสอบสวนคดีพิเศษหรนือดีเอสไอ พร้อมแจกแถลงการณ์ที่เนื้อหาระบุว่าอยากให้คณะกรรมการคดีพิเศษรับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงยุติธรรมได้เข้ามาพูดคุยเจรจา เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมแสดงออกด้วยความสงบ

 

จากนั้นเวลา 09.20 น. นายภูมิธรรม ในฐานะประธาน กคพ. กล่าวก่อนเริ่มการประชุมพิจารณาคดีฮั้ว เลือก สว.ว่า วันนี้ เป็นการพิจารณาในวาระที่เราเคยพิจารณากันในครั้งที่แล้ว และยังมีประเด็นที่ค้างจึงส่งกลับไปให้คณะอนุกรรมการพิจารณา และวันนี้จะมารายงานให้ที่ประชุมได้ทราบ ซึ่งมีประเด็นที่เราต้องดำเนินการต่อที่ยังไม่จบให้มีข้อยุติ ซึ่งขณะนี้ประเด็นต่างๆ ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนแล้ว ก็อยากจะให้มารายงานต่อที่ประชุมและดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไป

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอส ได้รายงานว่ามีองค์ประชุมทั้งหมด 19 คน ซึ่งคณะกรรมการฝั่งตำรวจ 3 คน ไม่มา โดยพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งตัวแทนมาร่วมประชุม แต่ยังไม่ได้อยู่ในห้องนี้ พลตำรวจเอกสุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสอบสวนคดีอาญา และพลตำรวจโทสำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินก็ไม่ได้ร่วมประชุม

 

สำหรับรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 สัดส่วนกรรมการโดยตำแหน่ง 12 ราย นอกจากนายภูมิธรรมที่เข้าประชุมเองแล้ว ยังมีพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ,นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ,พลเอกพิสิษฐ์ นพเมือง เจ้ากรมพระธรรมนูญ ,นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ส่วนปลัดกระทรวงการคลัง-ปลัดกระทรวงมหาดไทย-ปลัดกระทรวงพาณิชย์-อัยการสูงสุด-เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา-ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ขณะที่พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐส่งพลตำรวจโทอภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เป็นตัวแทนมาร่วมประชุม แต่พลตำรวจโทอภิชาตไม่ได้เข้าร่วมประชุม

ด้านกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน มีผู้ที่เข้าร่วมประชุมเอง ได้แก่ นายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ,นางดวงตา ตันโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ , นายชาติพงษ์ จีระพันธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ,นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ,นางทัชมัย ฤกษะสุต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ,พลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ,นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร โดยขาดประชุม 2 ราย ได้แก่ พลตำรวจเอกสุทิน และพลตำรวจโทสำราญ

 

ขณะที่ผู้แทน กกต.ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจาก นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ได้มีหนังสือชี้แจงถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับประเด็นวินิจฉัย ตีความข้อกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 49 อีกทั้งการไม่ส่งผู้แทน กกต.มาร่วมประชุมบอร์ด กคพ.เนื่องจากเห็นว่าสำนักงาน กกต.ได้แนวทางคำตอบที่ชัดเจนตามคำถามของดีเอสไอแล้ว ดังนั้นการส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถามอาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ครบถ้วนถูกต้อง  ทั้งนี้หากจะรับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ ต้องใช้เสียงกรรมการ 2 ใน 3 หรือ 15 คนจาก 22 คน

 

ล่าสุด นายภูมิธรรม แถลงว่า ที่ประชุม กคพ. มีมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมให้เป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 21 (1) จำนวน 11 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากองค์ประชุม 18 เสียง เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดสมคบกันเป็นอั้งยี่ และตามพ.ร.บ.การฟอกเงิน

ทั้งนี้ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 (1) อยู่ในหมวด 3 การสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ บัญญัติว่า คดีพิเศษที่จะต้องดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพ.ร.บ.นี้ ได้แก่คดีความผิดทางอาญา

(1) คดีความผิดทางอาญาตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพ.ร.บ.นี้ และที่กำหนดในกฎกระทรวงโดยการเสนอแนะของ กคพ. โดยคดีความผิดทางอาญาตามกฎหมายดังกล่าว จะต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้

(ก) คดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวน สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ

(ข) คดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือระบบเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ

(ค) คดีความผิดทางอาญาที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดข้ามชาติที่สำคัญหรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม

(ง) คดีความผิดทางอาญาที่มีผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน

(จ) คดีความผิดทางอาญาที่มีพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษเป็นผู้สงสัยเมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า น่าจะได้กระทำความผิดอาญาหรือเป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
โคราช ระเบิดศึกอีสปอร์ต KORAT PAO E-SPORTS TOURNAMENT 2025 เฟ้นหาดาวเด่น ROV-eFootball สู่เวทีระดับประเทศและนานาชาติ
"พงศ์พร" ถามเป็นประโยชน์ตรงไหน ก.พ.ดันตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธฯ" เทียบเท่าปลัดกระทรวง
"ธรรมนัส" ลั่นกล้าธรรม พร้อมร่วม "ก.เกษตรฯ" ปกป้องผลประโยชน์เกษตรกรไทย โดนผลกระทบเงื่อนไขสหรัฐใช้ลดภาษี
“สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์ “สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​