จับตา “บอร์ดคดีพิเศษ” นัด 6 มี.ค. ถกปมฮั้วเลือก สว. อนุกลั่นกรองฯ ดีเอสไอ ยันเข้าข่ายผิดอาญา อั้งยี่ ฟอกเงิน

จับตา "บอร์ดคดีพิเศษ" นัด 6 มี.ค. ถกปมฮั้วเลือก สว. อนุกลั่นกรองฯ ดีเอสไอ ยันเข้าข่ายผิดอาญา อั้งยี่ ฟอกเงิน

วันนี้ ( 3 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีรายงานว่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ นำโดย ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ผู้แทน 4 หน่วย ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการรับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 67 เป็นคดีพิเศษ เพื่อพิจารณากรอบอำนาจ และฐานความผิดคดีอาญา ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ในวันที่ 6 มี.ค.2568

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ เปิดเผยว่า ประเด็นที่จะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาและพูดคุยกันวันนี้ คือ เรื่องที่เสนอนั้น เป็นการกระทำความผิดอาญาหรือไม่ และเป็นความผิดฐานใด ซึ่งเดิมที่ประชุมคณะอนุกรรมการ ฯ พบว่าเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ,ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ค่อนข้างชัดเจน ส่วนความผิด ตามข้อหาได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือสว. จะเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ที่จะดำเนินการ ส่วนบอร์ดจะมีความเห็นอย่างไร อนุกรรมการฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ และจะต้องมีการลงมติ 2 ใน 3 โดยอาจจะมีความเห็นแย้งกับคณะอนุกรรมการฯได้

 

 

ส่วนการพิจารณาประเด็น รายชื่อ 1,200 รายชื่อ ที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า เอกสารหลักฐานดังกล่าวไม่ได้ถูกเปิดเผยจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะมีต้นทางมาจากที่ใดไม่สามารถตอบได้ และจะมีการนำรายชื่อดังกล่าวมาตอบตรวจสอบหรือไม่ คงต้องรอให้มีการรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษก่อน จึงจะมีอำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับการประชุมวันนี้ ได้มีการนำพยานหลักฐานทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มาพิจารณาควบคู่ไปกับสำนวนการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดใดบ้าง

 

 

โดยแนวทางการทำงานหลังมีการพิจารณาของบอร์ด กคพ. หากรับเป็นคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด จะมีการตั้งคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อทำคดีนี้ แต่หากไม่รับเป็นคดีพิเศษ ก็จะมีการส่งสำนวนต่อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

 

 

ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า จากการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทั้งหมด จากกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหลัก ทำให้ที่ประชุมเชื่อว่า น่าจะมีความผิดทางอาญาตามพ.ร.ป. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ซึ่งส่วนนี้จะมีการนำเสนอที่ประชุมกคพ.พิจารณาอีกครั้ง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เครือซีพี – ทรู – ทรู ไอดีซี" ผนึกกำลัง "ไมโครซอฟท์" ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตแห่ง AI และคลาวด์ เสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยด้วย ทรู ไอดีซี รองรับคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ของไมโครซอฟท์
50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน สีสันแดงทอง 'ต้นสนเมตาซีคัวญา' ในยูนนาน
ชาวระนองร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แม่นเกิ๊น!หน่วย SWAT จีนโชว์สกิล 'ยิงปืน' ระยะ 350 เมตร
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ซิโนเปกพบแหล่ง 'น้ำมันชั้นหินดินดาน' แห่งใหม่
ผู้ต้องหาคดีเงินกู้โหดสารภาพ อ้างเข้าใจผิดเป็นเรื่องยืมเงิน ไม่ได้ทำธุรกิจปล่อยกู้ ขอโทษและพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทุกกรณี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​