“จิรภพ” คนนี้ ผลงานที่ผ่านมาจัดว่าดีจริง ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา มอบหมายให้ทำคดีสำคัญๆระดับประเทศ ทว่าตัวเค้าเองยังกลายเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งรุ่นพี่ -รุ่นน้อง ด้วยบุคลิกนิสัยส่วนตัว ภายนอกอาจจะถูกมองว่า “เงียบขรึม พูดน้อย ก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน” ทว่าคนสนิทใกล้ชิด ยืนยันว่า แท้จริงแล้ว เค้าคนนี้ จัดว่าเป็นคนอัธยาศัยดี และ “น่ารักมาก” รักพี่รักน้องเป็นสำคัญ ดูแลทุกข์สุขประชาชนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม นับตั้งแต่ติดยศเข้ารับราชการตำรวจ
ด้วยฝีมือการทำงานสุดโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ ในเดือนกันยายน ปี 2561 “จิรภพ” จึงได้แต่งตั้ง ติดยศ “พลตำรวจตรี” กับตำแหน่ง “ผู้บังคับการกองปราบปราม” กลายเป็นหัวหอกคนสำคัญที่มีอุดมการณ์ทันสมัย จนใครๆก็กล่าวขานกันว่า …. กองปราบปราม ยุคของ “จิรภพ ภูริเดช” นอกจากจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่งของประชาชนแล้ว ยังเป็นยุคที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพตำรวจในสังกัดให้ดีขึ้นในทุกๆมิติ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และประเทศชาติ
และสิ่งที่ “จิรภพ” เป็นผู้สร้างไว้ให้กับ “กองปราบปราม” ในครั้งนั้น นั้นก็คือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ หนุมานกองปราบ ถือเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษเทียบชั้นสวาตของกองปราบปราม ……. กว่า 2 ปี ที่หนุมานกองปราบ ได้ลงพื้นที่พิชิตคดีสำคัญ จับกุมคนร้ายมากมาย ทำให้กลายเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ น้องใหม่ ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งประเทศอย่างล้นหลาม
“จิรภพ” เรียน เตรียมทหารรุ่น 34 นักเรียนนายร้อยรุ่น 50 จบปริญญาโท จาก Central Michigan University สหรัฐอเมริกา จบปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากนี้เค้ายังเรียนจบหลักสูตร 11 สัปดาห์ FBI Academy เมืองควอนติโก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา และหลักสูตรชั้นนำทั้งในประเทศ และระดับโลกอีกมากมาย
“จิรภพ” เคยพูดไว้ว่า “ตำรวจที่ดี อันดับแรกคือต้องทำหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน และตำรวจที่ดี ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความตั้งใจ ตอบโจทย์ความต้องการกับประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งตัวเค้าเอง ในฐานะตำรวจคนหนึ่ง มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น เตรียมพร้อมจะช่วยอย่างเต็มที่ ด้วยความโปร่งใสให้ทุกอย่างคลี่คลาย โดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลมืดใดๆ เพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง
“จิรภพ ภูริเดช” ตำรวจผู้ที่เติบโตภายใต้ร่มเงาของ “กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” มาหลายขวบปี ถึงวันนี้ได้เวลาที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทัพอย่างสมศักดิ์ศรี ท่ามกลางความภาคภูมิใจของพี่น้องตำรวจในสังกัดทุกๆคน ในฐานะ “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”