หลังจาก สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ หรือ USPS มีประกาศในวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ว่า จะไม่รับส่งพัสดุจากจีนและฮ่องกง หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% รวมถึงสั่งถอนสินค้านำเข้าจากจีน ออกจากเงื่อนไข “เด มินิมิส” (de minimis ) ที่อนุญาตให้ทุกคน รวมถึงผู้ส่งออก สามารถส่งพัสดุที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 หมื่น 7 พันบาท) ไปยังสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร และไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
แต่ในวันต่อมา (พุธที่ 5 กุมภาพันธ์) ไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศกลับลำโดยไม่ได้ให้เหตุผลเช่นเดียวกับประกาศระงับก่อนหน้า บอกแค่ว่า จะทำงานร่วมกับสำนักงานคุ้มครองชายแดนและศุลกากรอย่างใกล้ชิด เพื่อบังคับใช้กลไกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน โดยให้มีผลกระทบต่อการจัดส่งพัสดุน้อยที่สุด
การประกาศไม่รับพัสดุจากจีนและฮ่องกงเมื่อวันอังคารนั้น ส่อเค้าจะก่อปัญหาการหยุดชะงักครั้งใหญ่ให้กับแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ อย่าง ชีอิน และ เทมู ซึ่งคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ นิยมสั่งซื้อเสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆ ในราคาถูกส่งตรงจากจีน และด้วยค่าส่งที่ถูก ประกอบกับได้รับการละเว้นภาษีหากราคาสินค้าไม่ถึง 800 ดอลลาร์ ยิ่งช่วยให้บริษัทเหล่านี้รักษาต้นทุนในระดับต่ำไว้ได้
สำนักงานบริการวิจัยสภาคองเกรสสหรัฐฯ ออกรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนส่งออกพัสดุมูลค่าต่ำ / แตะ 6 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 เพิ่มจาก 5 พัน 300 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 เทมู และชีอิน ครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าแฟชั่นราคาถูก ของเล่น และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ประมาณ 17% และ พัสดุที่เข้าสู่สหรัฐฯภายใต้เงื่อนไขละเว้นภาษีเกือบครึ่ง มาจากจีน อาลีเอ็กซ์เพรส ของอาลีบาบา ก็ใช้ช่องโหว่การค้านี้เช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ สำนักงานศุลกากรและปกป้องชายแดน ระบุว่า สำนักงานรับมือกับพัสดุที่ได้รับการยกเว้นภาษี เฉลี่ยกว่า 4 ล้านชิ้นในแต่ละสัปดาห์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯชี้ว่า ปริมาณพัสดุที่เข้าสู่สหรัฐฯภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ทำให้การคัดครองสินค้าผิดกฎหมาย รวมถึงสิ่งเสพติด เป็นเรื่องยาก ทั้งยังกระทบผู้ค้าปลีกในประเทศ และภาษีเงินได้ที่รัฐบาลควรจัดเก็บได้ ก็หายไป การปรับปรุงแก้ไขกฎข้อนี้กำลังดำเนินอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนทรัมป์ รับตำแหน่งสมัยที่สอง
