ประยุทธ์เอาใจลุงป้อมโอ๋ธรรมนัส โอนอำนาจคุม 4 กรมก.เกษตรฯ สุดพิสดาร ปชป.เดือด ระวังรัฐบาลพัง

เผย 4 กรมหลักเกษตรเป็นหน่วยงานที่ร.อ.ธรรมนัสเคยดู รัฐบาลร้าวหนัก ปชป.เดือดถูกตบหัวครั้ง 2 จุรินทร์ควันออกหูติงแก้ปัญหาหนึ่งแต่ไปสร้างอีกหนึ่งปัญหา ไลน์ปชป.เดือดซัดรัฐบาลกับพลังประชารัฐไม่ให้เกียรติ เทพไทเฟซบุ๊คผิดใจเพื่อนไม่พออาจผิดกฎหมายด้วย พลังประชารัฐยังกระเพือมไม่หยุดปูดข่าว 15 ส.ส.ใต้หนีลุงป้อมซบพรรคใหม่ของปลัดฉิ่ง

ประชุม ครม.วานนี้เกิดเรื่องราวพิลึกพิลั่น หลัง”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่นั่งหัวโต๊ะมีมติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 2) ให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี รับงานแทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เฉพาะ 4 กรมประกอบด้วย 1.กรมพัฒนาที่ดิน 2.กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 3.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ 4.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ทั้งนี้แต่เดิมทั้ง 4 กรมนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่หลังจากร.อ.ธรรมนัสถูปลดพ้นครม.เรือแป๊ะไป ปัจจุบันทั้ง 4 กรมถูกโอนกลับไปอยู่ในความรับผิดชอบของ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์

งานนี้เรียกว่าเหยียบตาปลากันเต็มๆระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับนายจุรินทร์ อย่าลืมว่าทั้ง 4 กรมก่อนหน้านี้เรียกว่าเป็น “อู่ข้าวอู่น้ำ” ของร.อ.ธรรมนัส ดูงานตรวจงานรับงานก็ผ่านทั้ง 4 กรมนี้แหละ สมัยร.อ.ธรรมนัสอยู่เป็นรัฐมนตรีช่วยก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าตัวลงไปดูเองคุมเองแม้จะมีนายจุรินทร์คุมอยู่ข้างบนในฐานะรองนายกฯแต่ก็ไม่ได้เข้ามาล้วงลูกอะไรมากมาย แต่หลังจากร.อ.ธรรมนัสถูกตะเพิดพ้นเก้าอี้ออกไปงาน 4 กรมทั้งหมดจึงถูกโอนไปอยู่กับนายเฉลิมชัยหนำซ้ำยังมีนายจุรินทร์กำกับด้านบนอีกทีนึง เป็นใครจะยอมให้คนอื่นมาขุดบ่อน้ำมันแหล่งขุมทรัพย์ของตัวเอง อย่างที่บอกแม้ร.อ.ธรรมนัสถูกปลดพ้นครม.ไม่แล้ว แต่ดูทรงออกหน้าแบบนี้แสดงว่าพล.อ.ประวิตรยังถือท้ายร.อ.ธรรมนัสแบบเต็มๆ เพราะถึงขั้นขอให้พล.อ.ประยุทธ์โอน 4 กรมสำคัญที่เคยคุมอยู่เดิมกลับไปให้พี่ใหญ่ 3 ป.ดูแลเอง ซึ่งความจริงก็คือเอากลับไปให้ร.อ.ธรรมนัสที่อยู่วงนอกที่ถูกถีบพ้นเรือแป๊ะกลับมาดูแลอีกครั้ง งานนี้ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์จะได้หรือเสียแต่การโอนงานแบบพิสดารแบบนี้ ปกติเขาไม่ค่อยทำกัน รอบนี้ต้องตำหนิพล.อ.ประยุทธ์กันจริงๆจังๆ เพราะเอาอกเอาใจพล.อ.ประวิตรหาวิธีโอ๋เอาใจร.อ.ธรรมนัสกันเกินไป ความจริงไม่ต้องรีบไม่ต้องกระสันถึงขนาดนั้น เพราะเดี๋ยวหากมีการปรับครม.ขึ้นมา ที่มีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์อาจจะปรับเล็กก็ค่อยส่งคนมาดูแลมาเป็นรมช.เกษตรฯกำกับ 4 กรมนี้แทนก็ได้ หรือต้องเจาะจงให้ผู้กองธรรมนัสดูคนเดียวแม้พ้นความเป็นรัฐมนตรีเดินจากไปก็ต้องลากเอา 4 กรมไปไว้ในอ้อมอก มันประหลาดจริงๆ

เรื่องนี้ถึงกับทำให้นายจุรินทร์ ที่มีกำหนดการลงพื้นที่ “จุรินทร์ออนทัวร์” ในภาคเหนือ ประกอบด้วย นครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย และเพชรบูรณ์ เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งมอบถุงน้ำใจบรรเทาทุกข์ พร้อมติดตามโครงการประกันรายได้ และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรถึงกับควันออกหูรับไม่ได้และออกมาติงเรื่องนี้ผ่านสื่อแบบน่าฟัง

” ผมเห็นใจพรรคพลังประชารัฐที่ต้องแก้ไขปัญหาภายในพรรค ซึ่งให้กำลังใจมาโดยตลอด เพียงแต่การแก้ไขปัญหาควรจะยุติ ไม่ควรกระทบถึงส่วนอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นเรื่อง แทนที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดให้ลุล่วงไปได้ก็จะเป็นการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่ไปสร้างอีกปัญหาหนึ่งโดยไม่จำเป็น ซึ่งตนสื่อสารเรื่องนี้กับนายกฯ แล้ว และนายกฯ ก็รับทราบ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ

งานนี้ถึงกับทำให้ไลน์กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสมาชิก 160 คน ร้อนฉ่า เพราะหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ตำหนินายกฯไม่ให้เกียรติ พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นหัว เพราะแย่งงานโอนอำนาจล้วงลูกกันไปถึงสะดือแบบไม่คิดว่าเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กสะท้อนความในใจส.ส.ประชาธิปัตย์ชัดเจน “สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนแปลกใจกับคำสั่งดังกล่าว และมีความรู้สึกไม่สบายใจ เสมือนการไม่ให้เกียรติพรรค
คิดว่าคำสั่งให้รองนายกฯ กำกับราชการกรม ซึ่งมิใช่กระทรวงน่าจะไม่ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน การมอบรองนายกฯ กำกับหน่วยงานระดับกรมกระทำมิได้ เพราะกรมขึ้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง คำสั่งเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน และไม่น่าถูกต้องทั้งกฎหมาย และมารยาทการร่วมรัฐบาลผสม” นายเทพไทระบุพร้อมชี้เป้าผิดใจเพื่อนไม่พออาจผิดกฎหมายตายหมู่ด้วย รอบนี้ถือเป็นหนที่ 2 ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกพรรคพลังประชารัฐกดขี่ เรียกภาษาแบบชาวบ้านเห็นภาพก็คือ “ตบหัวแล้วจิ๊กขนม” ก่อนหน้านี้สมัยแบ่งงานรองนายกฯและรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบกลุ่มจังหวัดแต่ละภาค รัฐมนตรีหลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยถูกโยกพ้นไปดูแลพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่จังหวัดตัวเองมารอบนึงแล้ว คราวนั้นก็เป็นร.อ.ธรรมนัสนี้แหละที่ไปแย่งซีนดูแลจ.ยุทธศาสตร์สำคัญๆทางภาคใต้ แถมกวาดหัวกะทิด้ามขวานทองไปหมด คือ จ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ต ปาดหน้าเค้กเอาแต่หัวเหนียวไปเป็นใครจะยอม รอบก่อนนายจุรินทร์ก็ออกมาโวยออกมาให้สัมภาษณ์แบบหัวเสียทีนึงแล้ว มารอบนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกขี่คอไถ 4 กรมกลับไปอีก ไม่เคืองไม่ค้อนไม่งอนอยู่ไหวเหรอ

ความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรกอีก หลังมีการออกมาปูดข่าวจาก พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อนร่วมรุ่นตท.12 ของพล.อ.ประยุทธ์ ทำนองว่าส.ส.ใต้ภายใต้ชื่อกลุ่มด้านขวานไทย ของพรรคพลังประชารัฐราว 14-15 คน เตรียมย้ายพรรคไปซบไออุ่นพรรคเศรษฐกิจไทย ที่เป็นพรรคใหม่แกะกล่องของ “ปลัดฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทยที่จะเกษียณอายุราชการและโดดมาเล่นการเมืองเต็มตัว ข่าวว่าเป็นพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ เพื่อเป็นพรรคอะไหล่เป็นพรรคสำรอง ตามยุทธศาสตร์แตกแบงค์พันเป็นใบร้อยที่ทุกพรรคนิยมทำกันในยุคนี้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือแตกหักกับพรรคพลังประชารัฐ อย่างน้อยพล.อ.ประยุทธ์ก็จะมีที่เกาะใหม่มีพรรคที่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งรอบหน้า โดยไม่ต้องว้าเหว่เอกา เท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้แต่ที่ผ่านมาต้องบอกว่าพ.อ.สุชาติมีน้ำหนักราคาน้อยทางการเมือง โหมข่าวรอบนี้ก็เชื่อยาก ขนาดคนขั้วเดียวกันเองอย่างนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพ พรรคพลังประชารัฐยังออกมาซัดคืนพ.อ.สุชาติเชื้อน้ำยาไม่ได้เอาอะไรกับคนสอบตก ส่วนส.ส. 15 คนก็ออกมาปัดข่าวที่เกิดขึ้นพัลวัน

เกิดเรื่องราว 2 ประเด็นใกล้เคียงกันติดๆ สัญณาณชัดว่าอำนาจพล.อ.ประยุทธ์เริ่มสั่นคลอน สภาพการณ์รัฐบาลเริ่มไม่นิ่ง คล้ายๆรัฐบาลที่อำนาจกำลังร่อยหรอลงเรื่อยๆ ฝั่งรัฐบาลหลังพล.อ.ประยุทธ์ปลดผู้กองแป้งกับหนูแหม่มก็ยังมีเรื่องวุ่นวายไม่หยุด แม้นายกฯจะออกมาพูดว่าเคลียร์กับพี่ป้อมจบแล้วไม่ขัดแย้งกัน แต่หากต้องเอาใจประเคนทุกเรื่องให้เรื่อยๆแบบขัดหลักการผิดใจพรรคร่วมแบบนี้ก็ไม่ไหว ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐก็ดูเหมือนจะกระเพือมไม่หยุดเช่นกันเพราะแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าเริ่มมีข่าวส.ส.เข้าๆออกๆ นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังมีเรื่องวุ่นๆให้ลุ้นกันอีกหลายเรื่อง อาทิ บัตร 2 ใบจะเอาแบบไหนจะไปอย่างไร ทูลเกล้าหรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีตกดี ไหนจะเรื่องการนับอายุนายกฯอีก ไม่เกิด 8 ปี เริ่มตรงไหนนับยังไง สารพัดความอลวนมีแต่เรื่องวุ่นๆไปหน้า เพราะฉะนั้นไอ้ที่คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ยาวนั่งคาเก้าอี้บริหารประเทศครบ 2 สมัยในต้นปี 2566 ก็อาจจะไม่ใช้ไม่แน่นอนเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้เรื่องลอยลมปมยุบสภาจึงไม่อาจวางใจ เพราะอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหากพล.อ.ประยุทธ์ถึงทางตัน
//////////////////////////

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดฉากยิ่งใหญ่ PATTAYA FILM FESTIVAL 2025 ครั้งที่ 3 หนุนเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว ชมฟรี 28–30 ส.ค.นี้
ประกาศผลเยาวชนผู้ผ่านการคัดเลือก “Kid Dee Idol 2025” 10 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ เตรียมเข้าร่วมเวทีปลุกพลังสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ
ผู้ว่าเมืองคอน เปิดโครงการมินิธัญญารักษ์ คืนคนดีสู่สังคม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ยานสำรวจทะลลึก 'ไห่ฉิน' ของจีนจบภารกิจในทะเลจีนใต้
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเปลี่ยนสวนสาธารณะสู่แหล่งวัฒนธรรม .
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เยือนยลขุนเขา 'อินซาน' ลูกคลื่นเขียวชอุ่มในมองโกเลียใน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​