ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา เกียกกายว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ปรับเพิ่มมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในอาคารรัฐสภา บริเวณโรงอาหารเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีมติออกข้อกำหนดให้ 6 จังหวัด รวมถึงกทม.เป็นพื้นที่สีแดงเข้มควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามนั่งรับประทานอาหารที่ร้านนั้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนั้น ภายในโรงอาหารของรัฐสภาก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่เดิมจัดไว้บริการให้ผู้ที่เข้ามารับประทานอาหารได้นั่งรับประทานอาหารออกนอกพื้นที่ แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีมาตรการเว้นระยะห่างแล้วก็ตาม ทำให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐสภาจะต้องซื้ออาหารใส่ถุงนำกลับไปรับประทานที่ห้องทำงาน หรือในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง เพื่อลดการรวมกลุ่มระหว่างการรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางรัฐสภาได้ดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด อาทิ การจัดจุดสแกนวัดอุณหภูมิร่างกายบริเวณทางเข้า ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายในรัฐสภา 100% การใช้ลิฟท์โดยสาร จำกัดครั้งละไม่เกิน 6 คน การจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ในพื้นที่ต่าง ๆ การทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมกรรมาธิการ ห้องแถลงข่าว รวมถึงห้องสื่อมวลชน
สำหรับการประชุมกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ของสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งงดการประชุมหลายคณะ เพื่อให้ความร่วมมือต่อการลดการแพร่ระบาดโควิด-19 และลดการรวมตัวของคนจำนวนมากเกินกว่า 20 คน ส่วนกรรมาธิการของวุฒิสภา ได้สั่งงดการประชุมทั้งหมดออกไปก่อน ทั้งนี้ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังมีมาตรการเวิร์ค ฟอร์ม โฮม เพื่อลดปริมาณการรวมตัวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานในอาคารรัฐสภาให้เหลือร้อยละ 30 และทำงานที่บ้านร้อยละ 70 เป็นต้น ส่วนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ประกาศให้ข้าราชการปฏิบัติงานจากที่บ้านทั้งหมด จนถึงวันที่ 31 พ.ค.