วันที่ 20 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้เผยแพร่ทางสื่อโซเชี่ยล ความยาว 2 หน้ากระดาษ A4 จำนวน 2 ชุด เป็นจดหมายร้องทุกข์ถึงประธานคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ ลงนามโดย ผศ. โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่าสภามหาวิทยาลัยฯ มีมติให้ ผศ.ดร.ฆนัท พักการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอธิการบดี มรภ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 17 ก.ค. 2563 พร้อมแต่งตั้ง กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ถูกร้องเรียน ทราบว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ส่งขึ้นไปยัง สภา มรภ.นครศรีธรรมราช และ นายกสภา มรภ. นครศรีธรรมราช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ซึ่งใช้ระยะเวลา 333 วัน จึงแล้วเสร็จที่ประชุมสภาฯจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมและเสนอเรื่องไปยังปลัดกระทรวง ฯพิจารณาต่อตามขั้นตอนและ ทางสภา ฯจะต้องเร่งประชุมมีมติให้อธิการบดีกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการโปรดเกล้า ฯ โดยเรื่องดังกล่าวถูกนำเสนอทางสื่อมวลชนและโพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว “ฆนัท ธาตุทอง” ทำให้มีผู้สนใจติดตามและแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง ได้โพสต์คลิป 2 ตอน เรื่อง “เส้นทางถอนถอดอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ตอนที่ 1 – 2 ความยาวประมาณ 5 นาทีเศษ โดยตอนแรกชี้แจงกรณีที่มีผู้สอบถามเรื่องความเป็นมาในการเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช และการถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่รวมทั้งการที่สภา มหาวิทยาลัย ฯใช้เวลาในการสอบข้อเท็จจริงยาวนานถึงเกือบ 1 ปียะงไม่เสร็จสิ้น ซึ่ง ผศ.ดร.ฆนัท กล่าวในคลิปว่าจะทยอยจัดทำคลิปชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวเส้นทาง ปัญหาและอุปสรรค ต้นเหตุ ต้นตอของการถูกสภา ฯสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มาโพสต์ชี้แจงเป็นระยะเพื่อให้ผู้ติดตามเข้าใจตรงกัน เนื่องจากตนเป็นคนที่มาจากที่อื่น คือมาจาก จ.สงขลา ไม่ๆได้รู้จักคณาจารย์หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงในนครศรีธรรมราชมากนัก เมื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่มีผู้เสนอตัวขอรับตำแหน่งรองอธิการบดีจำนวน 5 คน โดยมีรองฯ คนเดิมรวมอยู่ด้วย 1 คนมีเสียงสนับสนุนเพียงแค่ 2 เสียง นอกจากนั้นก็เป็นชื่อบุคลากรสายงานต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรมราช ผมขอให้ทุกคนทำงานและแสดงผลงานในระยะเวลา 1 ปีหลังจากนั้นผมจะประเมินผลงานนำๆไปสู่การพิจารณาแต่งตั้งรองอธิการบดี ที่ระบุว่าสภาแต่งตั้งรองอธิการบดีตามการเสนอของอธิการบดี ตาม พ.ร.บ.ราชภัฏ เพื่อให้การบริหารงานได้ขับเคลื่อนไปตามวิสัยทัศน์ตามวิสียทัศน์ที่ตนแสดงเอาไว้ กับนโยบายของสภา ฯ สอดรับกับการมีส่วนร่วมของประชาคม ซึ่งผมเสนอขึ้นไปจำนวน 3 คนตามลำดับคะแนนที่มีผู้สนับสนุนมากที่สุด 1-3 ปรากฏว่าสภา ฯไม่อนุญาตให้ผมเปลี่ยนแปลงรองอธิการบดีคนที่ผมเสนอชื่อเข้าไปใหม่ แต่อนุญาตให้เฉพาะการแต่งตั้งแทนรองอธิการ ฯที่ลาออกเพียง 1 คนและให้ตนมาแนะนำรองอธิการทุกท่านในการพัฒนาปรับปรุงการทำงานตนก็ปฏิบัติตามสภา ฯ ทำการแนะนำ ตักเตือนการทำงานเป็นระยะ เพราะไม่เป็นไปตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ตนแสดงไว้ จนสร้างความไม่พอใจให้กับบุคลากรบางท่านเป็นอย่างมาก จนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาจนมีการนำนักศึกษาออกมาประท้วงการปฏิบัติหน้าที่ของอธิการบดี
ในขณะที่คลิปที่ 2 ดร.ฆนัท ธาตุทอง กล่าวว่า หลังตนได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้มีน้องอาจารย์คนหนึ่งเข้ามาหาบอกว่าขอให้ตนช่วยแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยภัฎด้วย ตนได้สอบถามรายละเอียดข้อมูลว่าน้องคนดังกล่าวเคยผ่านงานบริหารอะไรมากบ้าง เคยเป็นผู้ป่วย รองคณะบดี หรือคณะบดี หรือมีผลงานที่โดดเด่นเป็นพิเศษอะไรมากบ้าง เขาก็ตอบว่าไม่มี แต่เขาระบุว่าตอนที่สรรหาอธิการเขาเป็นคนหนึ่งที่เลือกตนด้วย ตนจึงแจ้งว่ามีคนมาอ้างว่าการสรรหาลงคะแนนเลือกตนถึง 12 คน/เสียง แต่ตนชนะและได้เสียงสนับสนุนจากสภาฯ แค่ 7 เสียงเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าคนที่มาอ้างใครลงคะแนนให้ตนขริงหรือเท็จ และการลงคะแนนก็ไม่ได้หมายความว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี มีใครพูดคุย รับปากรับคำอะไรกันยไว้ก่อนหรือไม่อย่างไร เขาก็ยืนยันว่าไม่มี แต่ที่ต้องการตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีเพราะภรรยาของเขาไปซื้อที่ดินไว้แล้วมีภาระที่ต้องผ่อนจึงอยากให้ตัวเองมีตำแหน่เป็นผู้ช่วยอธิการบดีเพื่อเอาเงินประจำตำแหน่งไปผ่อนค่าที่ดินที่ภรรยาซื้อเอาไว้ ผมไม่ได้แต่งตั้งขาและได้แนะนำให้เขาไปหาประสบการณ์ด้านการบริหาร ไปช่วยงานกองพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรม จริยธรรม หรือการกีฬา หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของเขาได้พำสต์ดุด่าผมอย่างเสียหายรุนแรง แต่ผมก็อดทน ไม่ตอบโต้ใด ๆเพียงแต่แค๊ปหน้าจอเอาไว้ทั้งหมด นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำมาสู่ปัญหาการไม่พอใจตนและอีกหลายเรื่องที่ล้วนเป็นเรื่องประโยขชน์ส่วนตัวที่ตนไม่อาจจะสนองความจ้องหการได้ จนสร้างความไม่พอใจให้กับบุคลากรสั่งสมเพิ่มมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามรายละเอียดข้อมูลปัญหาต่าง ๆ จาก ผศ.ดร.ฆนัท ธาตุทอง แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยยืนนยันว่าแม้ตนจะได้รัยความเสียหายที่ถูกสภา ฯสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนก็ไม่ได้เรียกร้องโวยวาย หรือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานหรือองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ รวมทั้งสื่อมวลชน เพราะเกรงอาจจะขัดต่อวินัยการเป็นข้าราชการ แต่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และความเป็นธรรมตามช่องทางระเบียบข้าราชการพลเรือนเท่านั้น อาทิ ปลัดกระทรวง ฯนายกสภา ฯและล่าสุดจดหมายร้องทุกข์ถึงประธานคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ และกำลังจะยื่นร้องต่อผู้ตรวจการณ์รัฐสภา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและขอให้สภา ฯมีมติให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ฯตามที่ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าอย่างเร่งด่วนต่อไป โดยมีหลายโครงการที่สนองพระราชปณิธารของพระยาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่คั่งค้างอยู่ โดยถูกระงับ ยกเลิกไปหลายโครงการ อาทิ “ต้นแบบหรือโมเดลโคกหนองนา มหาวิทยาลัยราชภัฎ”เป็นต้น นอกจากนี้มีรายงานว่ากลุ่มอดีตคณาจารย์ทั้งที่เคยเป็นอดีตอธิการบดี คณะบดี ผู้ช่วยคณบดี อาจารย์ เป็นต้น ที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องการสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่และความพยายามในการถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เนื่องจากพบว่าเรื่องที่ร้องเรียน ร้องทุกข์อธิการบดีนั้นล้วนเป็นเรื่องของความรู้สึกหรือประโยชน์ส่วนตัวเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารใด ๆไม่เกี่ยวข้องกับการการทำความผิดเรื่องชู้สาวหรือละเมิดศลีธรรม จริยธรรมร้ายแรง รวมทั้งเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นแม้แต่น้อย มีการถ่วงเวลาลากยาวมายาวนานถึงเกือบ 1 ปี (336) ทั้ง ๆ ที่ในคำสั่งแต่งตั้งให้สอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการเตะถ่วง ลากยาวดังกล่าวเป็นขัดขวางไม่ให้ ดร.ฆนัท ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯส่งผลเสียหายทั้งต่อ ผศ.ดร.ฆนัท และภาพรวมของมหาวิทยาลัยราชภัฏและนักศึกษาในระยะสั้นและระยาวได้ และอาจจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ถูกนำไปใช้กับมหาวิทยาลัยของรัฐทั่วประเทศก็ได้ จึงได้รวมตัวกันทำเรื่องเสนอไปยังผู้ตรวจการรัฐสภา ให้เร่งตรวจสอบและให้สภา ฯมีมติให้ ดร.ฆนัท กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ความเสียหายจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช