กลุ่มสื่อวอน EU คว่ำบาตรอิสราเอล

กลุ่มสื่อวอน EU คว่ำบาตรอิสราเอล

สื่อและกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายสิบแห่ง เรียกร้องให้สหภาพยุโรประงับความร่วมมือ รวมถึงคว่ำบาตรอิสราเอล หลังกลุ่มนักข่าว ต้องเสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายสิบปี และยังถูกจำกัดเสรีภาพการนำเสนอข่าวด้วย

องค์กรสื่อและสิทธิมนุษยชนประมาณ 60 แห่ง ได้ออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า เพื่อตอบสนองต่อจำนวนนักข่าวที่ถูกสังหาร อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นการละเมิดเสรีภาพของสื่อ โดยทางการอิสราเอล นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามกับกลุ่มฮามาส ทางองค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (หรือ RSF) และองค์กรอื่นๆ อีก 59 แห่ง ขอเรียกร้องให้สหภาพยุโรประงับข้อตกลงความร่วมมือกับอิสราเอล และใช้มาตรการคว่ำบาตร ที่มุ่งเป้าไปถึงผู้ที่รับผิดชอบ

แถลงการณ์ร่วมระบุต่อว่า ช่วงเวลานับตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว และการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงของอิสราเอลในฉนวนกาซา ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สื่อมวลชน ต้องเสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ นักข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อชาวปาเลสไตน์มากกว่า 130 ราย ถูกสังหารโดยกองกำลังติดอาวุธของอิสราเอลในฉนวนกาซา ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดยมีอย่างน้อย 30 ราย ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีนักข่าวชาวเลบานอน 3 รายและนักข่าวชาวอิสราเอล 1 รายที่ถูกสังหารในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า อิสราเอลได้เล็งเป้านักข่าวระหว่างที่บุกโจมตีฉนวนกาซา นักข่าวคนอื่นๆ ก็ถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหา เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการทำงานของพวกเขา มีบางคนที่จู่ๆ ก็หายตัวไปด้วย ซึ่งการสังหารนักข่าวโดยกำหนดเป้าหมาย หรือแบบไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือโดยประมาทเลินเล่อนั้น การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม

นอกจากนี้ การห้ามสื่ออิสระเข้าถึงฉนวนกาซาโดยสิ้นเชิง ก็ถือว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคปัจจุบัน เพราะนักข่าวจะสามารถรายงานข่าวจากแนวหน้า ในความขัดแย้งสำคัญๆแทบทุกครั้ง ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ในยูเครนไปจนถึงรวันดา โดยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แม้ว่าสำนักข่าวของรัฐบาลอิสราเอล จะออกใบอนุญาตสื่อให้กับนักข่าวต่างชาติประมาณ 2,800 คน เพื่อเข้าสู่อิสราเอล แต่มีเพียงนักข่าวที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ฉนวนกาซา โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การคุ้มกันของทหารอิสราเอล และมีข้อจำกัดในการรายงานข่าว

ด้านจูลี มาเจอร์ซัค หัวหน้าองค์กรนักข่าวไร้พรมแดนประจำบรัซเซลล์ ก็ได้กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือของสหภาพยุโรป กับประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ถือเป็นสนธิสัญญาที่ควบคุมความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงการค้า ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวก็มีเนื้อหาที่ว่าถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน และหลักการประชาธิปไตยด้วย สิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลทำ ถือการกำลังเหยียบย่ำข้อตกลงนี้อย่างชัดเจน สหภาพยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าชั้นนำของอิสราเอล จะต้องสรุปข้อสรุปที่จำเป็นจากเรื่องนี้ และจะต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า รัฐบาลเนทันยาฮูหยุดสังหารหมู่ผู้สื่อข่าว และเคารพสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลและเสรีภาพสื่อ โดยการเปิดช่องทางให้สื่อ เข้าถึงฉนวนกาซา

สำหรับบรรดาผู้ลงนามนั้น ก็มีคณะกรรมการปกป้องนักข่าว (CPJ) สถาบันสื่อมวลชนระหว่างประเทศ (International Press Institute: IPI), ฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW), และฟรีเพรสอันลิมิเต็ด (FPU) ซึ่งนักข่าวที่ปฏิบัติงานในเขตปาเลสไตน์นั้น ต้องเผชิญกับอันตรายที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องรายงานเกี่ยวกับความขัดแย้ง ท่ามกลางการโจมตีทางพื้นดินและทางอากาศของอิสราเอล พวกเขาต้องเผชิญกับการสื่อสารที่หยุดชะงัก, การขาดแคลนเสบียง, และไฟฟ้าดับ

ทั้งนี้ การเรียกร้องดังกล่าวนี้ ได้เกิดขึ้นก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปที่บรัซเซลล์ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ โดยจดหมายฉบับนี้ จะส่งถึงโจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป และวัลดิส ดอมโบรฟสกิส รองประธานฝ่ายบริหารคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เคยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการ เกี่ยวกับการละเมิดเสรีภาพสื่อที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเจ้าหน้าที่ของอิสราเอล

#บกข่าวทีวี

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​