บุกพิสูจน์ “จุดก่อสร้างพระใหญ่” เทือกเขานาคเกิด หลังมีกระแสข่าว เป็นสาเหตุเกิดดินสไลด์ “ภูเก็ต 13 ศพ”

บุกพิสูจน์ "จุดก่อสร้างพระใหญ่" เทือกเขานาคเกิด หลังมีกระแสข่าว เป็นสาเหตุเกิดดินสไลด์ "ภูเก็ต 13 ศพ"

จากกรณีกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพระใหญ่เป็นต้นเหตุของการเกิดดินสไลด์จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม 13 ศพบริเวณบ้านกะตะ หมู่ที่2 ซอย 8 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 04:00 น. ดินโคลนถล่มลงมาทับ อาคารวิลล่าและห้องเช่า ที่มีหน่วยงานต่างด้าวชาวเมียนมาและรับส่งเที่ยวชาวต่างชาติอาศัยอยู่ โดยสื่อส่วนใหญ่จะเสนอไปในมุมมองด้านเดียวมากกว่าเป็นการนำเสนอการตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง

 

โดยช่วงเย็นวานนี้ (26 สค.67) เวลา 18 .00.น. ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณก่อสร้างพระใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่สื่อได้เอาไปลงว่าเป็นจุดดินสไลด์ลงไปด้านล่างที่กล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุ จากการตรวจสอบของทีมข่าวไม่พบร่องรอยของดินสไลด์บนลานจอดรถที่เขาพระใหญ่

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แต่ห่างจากรั้วสแลนสีเขียวที่ทีมข่าวได้ข้ามไปดูพบว่ามีร่องรอยของน้ำไหลผ่านมาจากลานจอดรถลงมาตรงที่ทางเขาพระใหญ่เอาเศษวัสดุก่อสร้างไปทิ้งไว้จะมีพวกเศษปูนเศษอิฐเศษหินเศษไม้ที่ถูกร่องรอยของน้ำที่ไหลมาจากลานจอดรถพัดผ่านลงไปด้านล่าง ซึ่งในจุดนี้เราจะเห็นต้นบอนขนาดใหญ่ล้มอยู่ แต่ต้นบอนป่าไม่ได้ถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำแสดงว่ากระแสน้ำไม่ได้ลงมามาก และไม่มีกระแสน้ำแรงที่จะทำให้ดินตรงนี้สไลด์ลงไปได้

ด้าน นายธนกฤษ นวนแก่วง ผู้ดูแลลานจอดรถบนเขาพระใหญ่ ได้บอกกับทีมข่าวว่าการป้องคันดินบริเวณด้านหน้าสแลนก่อนที่น้ำจะไหลลงไปซ้ำที่จุดเดิม และกันน้ำให้ออกไหลไปอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกันและด้านล่างเป็นฝายที่รับน้ำอยู่แล้วไม่มีความลาดชัน

 

 

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้สอบถามนายสุพร วนิชกุล ประธานมูลนิธิพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ทราบว่า การก่อสร้างพระใหญ่มีวิศวกรคำนวณน้ำหนักขององค์พระในการก่อสร้างในครั้งนี้แล้ว ซึ่งองค์พระจะหนักประมาณ 135 ตัน มีระบบกันดินสไลด์ถึง 4 ชั้น เป็นรูปวงแหวนทรงกลม กันแผ่นดินไหวได้ถึง 10 ริกเตอร์ โดยโครงสร้างขององค์พระใหญ่ สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้ถึง 10 ริกเตอร์ และเหตุดินสไลด์ ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างภายในวัด

นายสุพร บอกว่า ใต้ฐานพระใหญ่มีการก่อสร้างจริง ก่อนหน้านี้ใช้เป็นพื้นที่ให้พระสงฆ์ในวัดสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม แต่ตอนนี้ปิดปรับปรุงเพื่อนำหินอ่อนมาประดับให้ดูดี ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นโครงเหล็กเดิมทีเป็นอาคารให้พระสงฆ์สวดมนต์และปฏิบัติธรรมเหมือนกัน แต่ตอนนี้กำลังรื้อออก ส่วนพระพุทธรูปขนาดกลางที่อยู่ด้านข้าง กำลังจะย้ายไปประดิษฐานอีกที่หนึ่ง และหยุดก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่มีหนังสือแจ้งมาจากทางเทศบาลเทศบาลเทศบาลตำบลกะรนให้หยุดทำการก่อสร้าง

 

ส่วนกรณีชาวบ้านให้ข้อมูลว่าไม่ได้ขออนุญาต นายสุพร ยืนยันว่า ขออนุญาตถูกต้อง ก่อนหน้านี้ใบอนุญาตมีอายุ 5 ปี ต่ออายุไปทั้งหมด 4 ครั้ง รวม 20 ปี แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาขอใบอนุญาตระยะยาว 30 ปี หน่วยงานหลักในการดำเนินคือสำนักงานพระพุทธศาสนา ขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้

 

ส่วนข้อกังวลของชาวบ้าน ยอมรับว่าวิศวกรก็เป็นห่วง แต่ตนคิดว่าสาเหตุการเกิดดินสไลด์ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับก่อสร้างภายในวัด เพราะโดยโครงสร้างขององค์พระสามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้ถึง 10 ริกเตอร์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุโดยละเอียด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จันทบุรี ไม่เป็นความจริง ! จับสายลับกัมพูชาพร้อมโดรนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้เป้า กองบิน 5 จ.ประจวบคีรีขันธ์
"แม่ทัพภาคที่ 2" สวนกลับ "โฆษกกลาโหม" กัมพูชา ยัน “ช่องอานม้า” เป็นแผ่นดินไทย ซัดเขมรละเมิด MOU43
"สหรัฐ" ร่วมฉลอง "วันชาติโมร็อกโก" ให้คำมั่น ยังพร้อมสนับสนุนอำนาจอธิปไตยของ "โมร็อกโก" บนพื้นที่ซาฮาร่า
"กองทัพไทย" ประณาม “กัมพูชา” ปล่อยทิ้งร่างทหารคาสนามรบ ซัดไร้มนุษยธรรม ละเมิดเกียรติศักดิ์ศรีผู้เสียชีวิต
ผู้ประกอบการตราดกระทบหนัก จี้ ภาครัฐเยียวยา ช่วยเหลือทั้งให้สินเชื่อและชะลอจ่ายสินเชื่อ เพิ่มมาตรการภาษีและขาดแรงงาน
"หมอมิ้ง" ยัน "นายกฯอิ๊งค์" ไม่ลาออก ย้ำเจตนารมย์คุย "ฮุน เซน" ทำเพื่อชาติ มั่นใจปท.ผ่านพ้น 2 วิกฤต

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​