สอบถามนางสาวสุกัญญา เขียวงาม หนึ่งในผู้โดยสาร ทราบว่า ตนนั่งรถโดยสารมาพร้อมกับลูกน้อย อายุ 2 ขวบ และมีผู้โดยสารมาด้วยกันทั้งหมด 11 คนรวมทั้งคนขับ ขณะถึงที่เกิดเหตุรถกระโดยสารได้พุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่บนไหลทางทางด้านขวามือ จากนั้นคนขับได้พยายามที่จะขับต่อไป ตนเองจึงได้ใช้มือทุบกระจกให้คนขับจอดรถเพื่อที่จะทำการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกลงอยู่กระจายเกลื่อนถนน และมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ จากนั้นตนเองจึงได้โทรไปหาแฟนของตนที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ให้มาทำการช่วยเหลือด่วน และเมื่อถามคนขับรถว่าทำไมไม่หยุดรถ คนขับบอกว่ามีรถสิบล้อเบียดอยู่ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามีรถสิบล้อเบียดอยู่หรือเปล่า แต่บนไหล่ทางนั้นมีรถ 6 ล้อจอดอยู่ ตนรู้สึกช็อก ทำอะไรไม่ถูก โทรหาแต่แฟนอย่างเดียวและเป็นห่วงลูกน้อยด้วย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตนเองได้เอาลูกน้อยไปให้คนอื่นอุ้มไว้ให้ส่วนตัวได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

ด้านนายบุญฤทธิ์ รวบยอด คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้จอดรถอยู่ริมถนนทางคู่ขนาน บริเวณขวามือ ได้ประมาณ 15 นาที เพื่อคุยโทรศัพท์กับแฟน เนื่องจากวันนี้ตนเองไม่มีงานวิ่ง ขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่ได้มีรถพุ่งเข้ามาชนท้ายรถของตนเอง ซึ่งตนเองก็ได้ลงไปดูพบว่ารถโดยสารยังขับต่อไปอีก ตนเองได้ลงไปดูพบว่ามีผู้โดยสารตกกระจายเต็มพื้นถนน ตนเองยังเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งตนเองก็ยังไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้

ขณะที่นายยุทธศาสตร์ เนินแดง คนขับกระบะโดยสาร เล่าว่า ตนขับรถโดยสารรับผู้โดยสารจากอำเภอวิหารแดง ปลายทาง เมืองสระบุรี เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังจะเลี้ยวโค้งตามถนน เพื่อเข้าตัวเมืองสระบุรี ได้มีรถกระบะตู้ทึบขับไล่หลังมา และเป็นจังหวะที่ทางรถกระบะจะแซงทางซ้ายมือ ตนเองไม่สามารถหลบได้ ซึ่งถ้าตนเองปาดไปด้านซ้ายก็จะเกิดชนกัน ประกอบกับมีรถบรรทุก 6 ล้อจอดอยู่ริมถนนทางด้านขวามือ และจอดล้ำเส้นมามาก ซึ่งตามกฎหมายแล้วห้ามจอด ทำให้รถของตนพุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุก เนื่องจากเหตุสุดวิสัย แต่หลังจากชนแล้ว ตนยังต้องขับต่อนั้น เนื่องจากตนพยายามหยุดแล้ว แต่หยุดไม่ได้เพราะถ้าหยุดกะทันหัน จะทำให้ผู้โดยสารกระเด็นกระดอนกันไปหมด