ชาวบ้านโคราช พาผู้สื่อข่าวชี้จุดพื้นที่โซนสีแดง ยืนยันไม่มีการรุก “ป่าทับลาน”

ชาวบ้านพาชี้จุดพื้นที่โซนสีแดง ยืนยันไม่มีการบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน วอนสังคมเข้าใจ และหยุดใส่ร้ายชาวบ้านว่าเป็นพวกฮุบป่า

ชาวบ้านโคราช พาผู้สื่อข่าวชี้จุดพื้นที่โซนสีแดง ยืนยันไม่มีการรุก “ป่าทับลาน” – Top News รายงาน

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังเขตชุมชนบ้านไทยสามัคคี บ้านบุไผ่ และบ้านห้วยใหญ่ใต้ ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสำรวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ที่จำแนกเอาไว้เป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่กลุ่มของนายทุน จากการลงพื้นที่พบว่า บริเวณบ้านห้วยใหญ่ใต้ที่ถูกกันเป็นพื้นที่สีแดง หลังแนวเขตอุทยาน ปี 2543 จะเป็นพื้นที่ป่าของอุทยานฯ ชัดเจน และไม่ได้มีการบุกรุกเข้าไปทำกินในพื้นที่อุทยานฯ แต่อย่างใด  นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ทผุดขึ้นอีกหลายแห่ง ซึ่งบางแห่งได้ปิดกิจการลงไปแล้วตามคำสั่งศาล ด้วยเหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านรู้สึกเป็นกังวล ถึงแม้จะไม่ได้ถูกฟ้องดำเนินคดี แต่ถ้าถึงเวลาพิจารณากันเขตพื้นที่ทำกินชาวบ้านในโซนพื้นที่สีแดง อาจจะไม่ถูกพิจารณาเนื่องจากถูกกล่าวอ้างว่า เป็นพื้นที่ที่กลุ่มนายทุนเข้ามาทำประโยชน์

ชาวบ้านโคราช

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายสนัด หาญขุนทด ชาวบ้านบุไผ่ หมู่ 5 ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา (ซึ่งอยู่ในพื้นที่โซนสีแดง ถูกเหมารวมว่าเป็นกลุ่มของนายทุน แต่ทางนายสนัดฯ ไม่ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเขตอุทยานฯ) กล่าวว่า ตนและครอบครัวอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้มานานแล้ว พ่อแม่ของตนเริ่มมาอาศัยอยู่เมื่อประมาณปี 2502 และมาถูกอุทยานแห่งชาติทับลานประกาศทับพื้นที่อยู่อาศัยของตน เมื่อปี 2524 โดยที่อีกฝั่งถนนตรงข้ามที่ของตน กลับเป็นพื้นที่ สปก. ชาวบ้านหลายรายได้รับเอกสารสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันตนมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 3 งาน เปิดเป็นร้านขายของชำอยู่ในชุมชน ตลอดระยะเวลาที่อยู่อาศัยมา ก็ต้องยอมรับว่า ที่ดินในเขตพื้นที่ตำบลไทยสามัคคีมีการเปลี่ยนมือเปลี่ยนสิทธิ์ไปให้กับคนอื่นแล้ว แต่ตนก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่ชาวบ้านบางคนต้องขายพื้นที่ที่เคยทำกินมา เนื่องจากสถานะทางครอบครัวและสภาวะทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่อยากให้เหมารวมว่า ชาวบ้านตำบลไทยสามัคคี เป็นนอมินีให้กับนายทุน หรือเหมารวมว่า ชาวตำบลไทยสามัคคีจ้องที่จะฮุบป่า อย่างที่สังคมในโลกโซเชียลเข้าใจ และรุมประณามอยู่ในขณะนี้

 

ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้ถูกดำเนินคดีจากทางอุทยานฯ และสามารถอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่นี้ต่อไปได้ ตามมาตรา 64 แต่ถ้าเลือกได้ ตนอยากออกจากกฎหมายอุทยานฯ มากกว่าและไปถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน สปก. แทน ซึ่งตามมาตรา 64 อาศัยหรือทำกินอยู่ได้ตามปกติก็จริงตามที่กฎหมายกำหนด แต่ข้อเท็จจริงแล้ว การเป็นอยู่อาศัยลำบากมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตทางอุทยานฯ ก่อนทุกเรื่อง ไม่สามารถดำเนินการเองได้ แม้กระทั่งการตัดต้นไม้หน้าบ้าน ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับตัวบ้าน ตัดเองก็ไม่ได้ รวมไปถึง การต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านที่ชำรุดเสียหายก็ทำได้ยาก ถ้าทำโดยพลการตนก็กังวลว่าอาจจะถูกดำเนินคดี ซึ่งชาวบ้านหลายคนในพื้นที่ ก็ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีและต่อสู้คดีจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว สุดท้ายจึงอยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนในพื้นที่ รวมไปถึง ฝากไปยังประชาชนที่ประณามชาวตำบลไทยสามัคคีว่าเป็นพวกจ้องฮุบที่ป่า อยากให้เข้าใจว่าพื้นที่ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งตนขอยืนยันว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลไทยสามัคคี อยู่มาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ ปี 2524

       

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"หมอมิ้ง" ยัน "นายกฯอิ๊งค์" ไม่ลาออก ย้ำเจตนารมย์คุย "ฮุน เซน" ทำเพื่อชาติ มั่นใจปท.ผ่านพ้น 2 วิกฤต
ไม่รอด ! ฉวยโอกาส ขณะกำลังฝ่ายความมั่นคงเฝ้าชายแดน 2 ผู้ต้องหาลอบขนบุหรี่เถื่อนจากกัมพูชา
จันทบุรี จับสายลับกัมพูชาพร้อมโดรนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้เป้า กองบิน 5 จ.ประจวบคีรีขันธ์
"โฆษกกต." เผยไทยเชิญองค์การระหว่างประเทศ เข้าพบ “18 เชลยกัมพูชา” พรุ่งนี้ รับทราบข้อเท็จจริง ไล่บี้เขมรชดใช้ปมยิงถล่มรพ.-บ้านพลเรือน
ฉะเชิงเทรา ผบ.พล.ร.11 รับมอบสิ่งของธารน้ำใจ ปชช. ส่งถึงทหารแนวหน้า
สื่อกัมพูชา แท็กทีมปั่นเฟกนิวส์ไม่หยุด หลัง “มาลี” แถลงอ้างไทยส่งทหาร วางลวดหนามช่องอานม้า รุกล้ำเขมร

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​