CNN รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของดร.แอนโธนี่ ฟาวซี ผุ้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้สหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาบอกว่ามีคนอเมริกันอีกหลายล้านคนที่ยังไม่ยอมมาฉีดวัคซีน และว่าหากคนกลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในข่ายที่สามารถฉีดได้แต่ยังคงไม่ไว้ใจผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ไม่ไว้ใจรัฐบาล และเมื่อเปิดให้สมัครใจมาฉีดเองแล้ว ก็ยังคงปฎิเสธ หมอฟาวซีเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องออกมาตรการบังคับกันอีกหลายรอบ หลายฉบับ เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนอีกหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการบังคับในสถาบันการศึกษา และพนักงานบริษัทเอกชน
หมอฟาวซีเชื่อว่าคงไม่มีพนักงานบริษัทคนไหนที่ยอมลาออกเพื่อแลกกับการไม่ฉีดวัคซีน และคงไม่มีนักเรียนนักศึกษาที่พ่อแม่ยอมให้หยุดเรียนเพื่อแลกกับการที่ไม่ให้ลูกฉีดวัคซีน ดังนั้นการบังคับฉีดในสองกลุ่มนี้น่าจะใช้ได้ผล
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกมาตรการบังคับให้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนให้ต้องฉีดวัคซีนไม่เช่นนั้นบริษัทจะถูกปรับเงิน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสหรัฐกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวไม่เพียงลดแรงกดดันระบบสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังลดแรงกดดันให้กับประชาชนทั่วไป ไม่ต้องกลัวว่าเวลาป่วยจะไม่มีเตียงเพราะรพ.มีแต่ผู้ป่วยโควิดครองเตียง
ล่าสุดสหรัฐฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกันครบโดสแล้ว 63% โดยคิดจากกลุ่มประชากรตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และคาดว่าจะเริ่มฉีดในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีได้ตั้งแต่พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอข้อมูลการทดลองของไฟเซอร์ ซึ่งจำเป็นต้องระมัดระวังมากกว่าวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ โดยต้องดูปริมาณโดสที่เด็กสามารถรับได้ ต้องดูว่าแรงไปหรือไม่หรืออาจต้องมีการปรับเปลี่ยนฟอร์มูล่า