ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผย ไวรัสโควิด สายพันธุ์อินเดีย มีจุดต้องเฝ้าระวัง มีโอกาสหลุดเข้าเซลมนุษย์ และทำติดเชื้อได้ง่าย ส่วน สายพันธุ์เบงกอล มีข้ออันตราย สามารถหลบหนีภูมิต้านทานจากวัคซีน แต่ที่ระบาดในไทยระยะนี้ คือ สายพันธุ์อังกฤษ
สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ขณะเดียวกับความหวั่นวิตกที่ประเทศอินเดีย มีอัตราการติดเชื้อ และเสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายวิตกว่ามีโอกาสที่ไวรัสสายพันธุ์ที่เชื่อมโยงกับประเทศอินเดียจะเข้าสู่ประเทศไทย หรือไม่ อย่างไร
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ให้ความเห็นประเด็น “โควิด-19 ไวรัสกลายพันธ์สายพันธุ์อินเดีย และ เบงกอล มีใจความสำคัญว่า “นักข่าวพยายามจะสอบถาม เรื่องสายพันธุ์อินเดียบ้าง สายพันธุ์เบงกอล บ้าง คงเป็นเพราะมีการระบาดอย่างมากของโควิด-19 ในอินเดีย
เมื่อมีการระบาดมาก ไวรัสก็จะแพร่ลูกหลานได้มาก ก็จะมีโอกาส มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นเป็นไปตามหลักวิวัฒนาการ ถ้าดูตามสายพันธุ์อินเดียแล้ว ไม่เหมือนสายพันธุ์อังกฤษ ที่แพร่กระจายง่าย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนบนหนามแหลม ที่ตำแหน่ง 501 เป็น tyrosine (Y) จากสายพันธุ์เดิมคือ asparagine (E) สายพันธุ์อินเดียยังเป็นชนิด asparagine อยู่ แต่สายพันธุ์อินเดียมีจุดที่น่าสนใจในตำแหน่งการตัดแบ่งส่วน spike โปรตีนให้เป็น S1 และ S2 ด้วยเอนไซม์ furin ของมนุษย์ การเปลี่ยนกรดอะมิโนเป็น basic โดยเฉพาะ arginine (R) ทำให้หลุดเข้าเซลมนุษย์ได้ง่ายขึ้น จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้นได้เช่นกัน
ส่วนสายพันธุ์เบงกอลที่กล่าวถึงกัน จะเป็นการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง 484 เป็น Lysine ที่ทำให้หลบหนีภูมิต้านทานจากวัคซีน เช่นเดียวกับสายพันธุ์อัฟริกาใต้ และบราซิล จึงทำให้มีการกล่าวถึงกันมาก สายพันธุ์นี้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปกว่าบราซิล และอัฟริกาใต้ ถ้าดูแล้วสายพันธุ์อัฟริกาใต้ยังน่ากลัวกว่า
จากการตรวจสายพันธุ์โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ กว่า 500 ตัวอย่างที่มีการระบาดอยู่ ณ ขณะนี้มากกว่า 98% ของเราเป็นสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 ยังไม่พบสายพันธุ์ อินเดีย เบงกอล อัฟริกาใต้ บราซิล ในประเทศไทย”