เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีเดือน กค. 2564 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา มีมติสั่งปิดโรงงานไทยแอโรว์ หลังพบผู้ติดเชื้อกว่า 700 คน เมื่อ 33 ปีที่แล้ว นักลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานไทยแอโรว์ ที่ อ.บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันมีพนักงานถึง 4,200 คน มีอาคาร 4 หลัง แบ่งเป็นการผลิตแผนกต่าง ๆ ถือเป็นห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ส่งไปจำหน่ายทั่วโลก
เมื่อโรงงานฯ ถูกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา สั่งปิด พร้อมมาตรการเข้ม โรงงานต้องทำ Bubble and Seal แยกผู้ป่วยรักษา ที่โรงพยาบาลสนามภายในโรงงาน มีสถานที่กักตัวผู้เสี่ยงสูง หรือ Factory Isolation มีการSeal Root เส้นทางรับ – ส่ง พนักงาน และตรวจ ATK พนักงานแบบ สุ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ของพนักงาน ทุก 7 วัน มีการสื่อสารกับพนักงานให้ป้องกันตัว และปรับพื้นที่การใช้ชีวิตให้เหมาะสมเช่น การนั่งรับประทานอาหาร เป็นต้น
โรงงาน ได้ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอย่างดี จนกระทั่งล่าสุดทางโรงงาน ได้ขอให้คณะกรรมการฯ ผ่อนคลาย การ Bubble and Seal เนื่องจากพนักงานมีความเข้าใจ ให้ความร่วมมือ ประกอบกับพนักงานไทยแอร์โรว์ส่วนใหญ่ เป็นลูกหลานของคนในชุมชน มีการเรียกร้องขอให้พนักงานได้กลับมาหาครอบครัวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสังคมตามมาและด้วยเหตุผลนี้ โรงงานไทยแอโรว์ ได้ยื่นขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา มีมาตรการผ่อนคลายการ Bubble and Seal เพื่อให้พนักงานกลับไปหาครอบครัวได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ทางโรงงาน ต้องดำเนินการอย่างรัดกุม
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยเฉพาะคลัสเตอร์โรงงานอุตาสหกรรม ไม่มีตำราคู่มือเล่มไหนเขียนไว้ว่า ต้องทำอะไร อย่างไร แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา และความตั้งใจจริงของผู้บริหารโรงงานฯ ทุกคนเอาใจมาวางบนโต๊ะ เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน กว่า 2 เดือน ที่ชาวฉะเชิงเทรา ได้เรียนรู้ร่วมกับไทแอโรว์ ทั้งมิติของเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ภายใต้กรอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา มีเป้าหมายเดียวคือต้องป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในคลัสเตอร์โรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไทยแอโรว์ เป็นโรงงานที่อยู่คู่ชาวฉะเชิงเทราตลอดไป
สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค TOPNEWS จ.ฉะเชิงเทรา